‘ทรัมป์’ ชี้ไม่ได้ก่อสงครามกับอิหร่าน
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ระบุว่า อเมริกาไม่ได้อยากเปลี่ยนแปลงการปกครองในอิหร่าน หลังจากสหรัฐฯ เปิดฉากโจมตีทางอากาศและสังหารคาเซม โซเลมานี นายพลผู้บัญชาการคนสำคัญของอิหร่านผ่านไปไม่ถึงวัน
โดยทรัมป์เสริมว่า แต่สหรัฐฯ “ ก็พร้อมและเตรียมตัวที่จะมีปฏิบัติการหากจำเป็น” ในกรณีที่อิหร่านเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตชาวอเมริกัน
“ ปฏิบัติการของเราในคืนก่อนเพื่อหยุดสงคราม” ผู้นำสหรัฐฯระบุในการแถลงทางโทรทัศน์ ตั้งแต่มีการประกาศเมื่อคืนวันที่ 2 ม.ค.ถึงการสังหารโซเลมานี “ เราไม่ได้ทำเพื่อก่อสงคราม”
โซเลมานี “ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตจากความต้องการที่บิดเบี้ยวของเขา” ทรัมป์ระบุในถ้อยแถลงของเขาจากรีสอร์ท Mar-a-Lago ที่ปาล์มบีช รัฐฟลอริดาของเขา “ เราจับเขาได้ และจบชีวิตเขา” โดยทรัมป์ไม่ได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวหลังจากนั้น
จากการตอบคำถามของผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ Robert O’Brien ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติอธิบายการโจมตีของสหรัฐฯว่า เป็นการตัดสินใจที่ตรงไปตรงมา โดยเขา (ซึ่งอยู่กับทรัมป์ในระหว่างการโจมตี ) ระบุว่า สหรัฐฯมีข่าวกรองที่เชื่อถือได้ว่า อิหร่านเตรียมที่จะโจมตี แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดถึงข่าวกรองที่สหรัฐฯ มี
นายพลโซเลมานี ซึ่งเป็นผบ.กองกำลังพิเศษระดับสูงของอิหร่าน หรือ Revolutionary Guards เป็นบุคคลสำคัญในแวดวงการเมืองอิหร่านและตะวันออกกลาง เขาและผู้ช่วยถูกสังหารในการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯที่สนามบินนานาชาติแบกแดดในอิรัก
การเสียชีวิตของเขายิ่งเป็นการยกระดับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่านมากยิ่งขึ้น และก่อให้เกิดความกังวลว่าจะมีการตอบโต้จากอิหร่านและกองกำลังตัวแทนอื่นๆ
เมื่อวันที่ 2 ม.ค. กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯออกแถลงการณ์ที่ระบุว่า การโจมตีตั้งเป้าเพื่อ “ ลดระดับแผนการโจมตีในอนาคตของอิหร่าน” และกองทัพสหรัฐฯ จะ “ ใช้ปฏิบัติการทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อปกป้องประชาชนและผลประโยชน์ของเรา ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก”
ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหม ซึ่งไม่ขอเปิดเผยนาม ระบุกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ว่า โซเลมานีมีแผนโจมตีนักการทูตและเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯในอิรัก ซีเรีย เลบานอน และอีกหลายพื้นที่ในตะวันออกกลาง
การเปิดเผยล่าสุดมีขึ้นไม่กี่วันหลังจากกองกำลังที่อิรักสนับสนุนได้โจมตีสถานทูตสหรัฐฯในกรุงแบกแดดของอิรัก การโจมตีสถานทูตเป็นเวลา 2 วันทำให้ทรัมป์สั่งการให้ทหารประมาณ 750 นายเคลื่อนกำลังจากฐานทัพอากาศสหรัฐฯ ไปที่ตะวันออกกลาง
โดยเมื่อวันที่ 2 ม.ค. ก่อนปฏิบัติการถล่มทางอากาศของสหรัฐฯ ที่สังหารนายพลโซเลมานี รมว.กลาโหมสหรัฐฯ มาร์ค เอสเปอร์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่กระทรวงว่า สหรัฐฯอาจมีการโจมตีกองกำลังที่อิหร่านสนับสนุน
“ หากเราใช้คำว่าโจมตี เราจะทำเพื่อปกป้องกองทัพสหรัฐฯ ปกป้องชีวิตชาวอเมริกัน เกมเปลี่ยนแล้ว ” รมว.เอสเปอร์ระบุ
ในระหว่างการโจมตีด้วยโดรนของสหรัฐฯ ทรัมป์อนุมัติให้มีส่งกำลังทหารไปประจำการเพิ่มในพื้นที่อีกประมาณ 3,500 นาย.