FB ถูกปรับกว่า 1.5 แสนลบ.ทำข้อมูลรั่ว
คณะกรรมาธิการการค้าแห่งชาติสหรัฐฯ (FTC) สั่งปรับเฟซบุ๊ก บริษัทยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียเป็นจำนวนเงินประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 154,750 ล้านบาท) จากผลการสอบสวนกรณีฉาวของเฟซบุ๊กที่ทำข้อมูลผู้ใช้งานรั่วไหลไปอยู่ในมือของ Cambridge Analytica ในปีที่แล้ว จากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับสื่อวอลล์สตรีทเจอร์นัล
เงินค่าปรับก้อนนี้ถือว่ามีมูลค่าสูงสุดเท่าที่ FTC เคยสั่งปรับบริษัทเทคโนโลยี โดยก่อนหน้านี้ ทางหน่วยงานได้สั่งปรับบริษัทไฮเทคเป็นจำนวนมากที่สุดในปี 2555 ที่ยักษ์ใหญ่เสิร์ชเอ็นจิ้นอย่างกูเกิลยอมจ่ายค่าปรับ 22.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 696 ล้านบาท )เนื่องจากละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน โดยค่าปรับคิดเป็นประมาณ 9% ของรายได้ปี 2561 ของเฟซบุ๊ก
เรื่องนี้ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์จากทั้งวุฒิสมาชิก.และส.ส.ในสภาคองเกรสของสหรัฐฯ รวมทั้งวุฒิสมาชิกมาร์ค วอร์เนอร์จากพรรคเดโมแครต
“ จากที่เฟซบุ๊กละเมิดความเป็นส่วนตัวซ้ำๆ ชัดเจนว่าต้องมีการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐาน”วอร์เนอร์ระบุในวันที่ 12 ก.ค. “ หาก FTC ไม่สามารถ หรือไม่มีเจตนาป้องกันไม่ให้มีการละเมิดความเป็นส่วนตัวและข้อมูลของผู้ใช้งานได้อีก ก็ถึงเวลาของสภาคองเกรสที่จะต้องทำหน้าที่”
ขณะที่ David Cicilline ส.ส.จากพรรครีพับลิกันมองว่า “ เป็นการลงโทษเพียงเล็กน้อย” เขากล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ว่า “ นี่ไม่อาจทำให้พวกเขารอบคอบขึ้นในการรับผิดชอบต่อการปกป้องข้อมูลของผู้ใช้งาน”
มีการคาดหมายว่าเฟซบุ๊กจะถูก FTC ปรับประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในผลการสอบสวนไตรมาสแรกเมื่อเดือนเม.ย.
โดยรายงานระบุว่า FTC มีมติเห็นชอบบทลงโทษเฟซบุ๊กครั้งนี้ด้วยคะแนนโหวต 3 ต่อ 2 โดยพรรครีพับลิกันเห็นด้วยและเดโมแครตไม่เห็นด้วย และกำลังมีการพิจารณาทบทวนโดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ
ทั้ง FTC และเฟซบุ๊กยังไม่ได้ให้ความเห็นในประเด็นนี้กับทางสื่อ FTC เริ่มสอบสวนเฟซบุ๊กในเดือนมี.ค. 2561 หลังจากมีรายงานว่า Cambridge Analytica บริษัทที่ปรึกษาการเมือง เข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานเฟซบุ๊กได้มากถึง 87 ล้าน
บัญชี ทางหน่วยงานชี้ว่า เฟซบุ๊กได้ละเมิดเงื่อนไขข้อตกลงปี 2554 ซึ่งกำหนดให้เฟซบุ๊กต้องเตือนผู้ใช้งานอย่างชัดเจน หากข้อมูลของพวกเขาถูกแชร์ให้กับบุคคลที่ 3.