ไอทีอินเดียหวั่นทรุดจากกฎหมายใหม่สหรัฐฯ
อินเดียกำลังกังวลว่ากฎหมายใหม่ของสหรัฐฯ ที่มีจุดประสงค์เพื่อจำกัดการเข้าประเทศของแรงงานต่างชาติทักษะสูงจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับอุตสาหกรรมไอทีของอินเดีย
กฎหมายใหม่ที่เพิ่งนำเข้าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กำหนดว่าจะลดเงินเดือนของผู้ที่ได้วีซ่าประเภท H-1B ลงครึ่งหนึ่ง คือจาก 130,000 ดอลลาร์สหรัฐฯลงเหลือ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ส.ส.หญิงซู ลอฟเกรน เป็นผู้นำเสนอกฎหมายนี้เข้าสู่สภา โดยเธอให้ความเห็นว่า กฎหมายฉบับนี้จะช่วยหยุดยั้งการจ้างงานแรงงานต่างชาติแทนที่แรงงานชาวอเมริกันได้
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอินเดียกล่าวว่า เขาได้แสดงท่าทีความกังวลไปที่สหรัฐฯแล้ว
“ เราได้แสดงออกอย่างจริงจังถึงผลประโยชน์และความกังวลของอินเดียในเรื่องนี้ไปถึงฝ่ายบริหารและสภาคองเกรสของสหรัฐฯ แล้ว ” แถลงการณ์ของกระทรวงระบุไว้ดังนี้
องค์กรสื่อของอินเดียรายงานความเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่า เป็นการเสื่อมถอยอย่างหนักของอุตสาหกรรมไอทีอินเดีย
จุดประสงค์ของกฎหมายใหม่ฉบับนี้พุ่งเป้าไปที่บริษัทหลายแห่งในสหรัฐฯที่นำเข้าพนักงานต่างชาติด้วยโควตาของวีซ่าประเภทนี้
เจ้าหน้าที่อาวุโสจากอุตสาหกรรมไอทีอินเดียให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบีบีซีว่า เป็นกฎหมายที่น่าผิดหวัง
“ กฎหมายฉบับนี้ไมได้ปฏิบัติกับบริษัทไอที ที่มีผู้ถือครองวีซ่าประเภท H-1B อย่างเท่าเทียมกัน ”
“ หากจุดประสงค์คือเพื่อปกป้องแรงงานชาวอเมริกัน ถ้าอย่างนั้นกฎหมายนี้ก็พลาดจากเป้าหมายแล้ว เพราะหลายบริษัทที่ไม่ได้พึ่งพาวีซ่า H-1B ก็จะยังคงนำเข้าแรงงานทักษะสูงด้วยค่าแรงที่ต่ำลงอยู่ดี ซึ่งจะทำให้กฎหมายนี้ไร้ค่า ผิดจากวัตถุประสงค์เดิมที่จะกันงานไว้ให้ชาวอเมริกัน”
นายอมาร์ อัมบานี หัวหน้าฝ่ายวิจัยของบริษัทอินเดีย Infoline กล่าวว่า หากกฎหมายนี้ผ่านสภาเมื่อใดจะเป็นข่าวร้ายสุดๆสำหรับภาคส่วนไอทีของอินเดีย
“ มากกว่า 50% ของรายได้มาจากตลาดสหรัฐฯ และกฎหมายนี้ยังเกิดขึ้นในเวลาที่อินเดียกำลังเผชิญกับความท้าทายเพื่อปรับปรุงมาร์จิ้นและการได้รับผลประโยชน์ ” เขาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซี
ทั้งนี้ วีซ่าประเภท H -1B ของสหรัฐฯ ออกให้กับ 65,000 คนในแต่ละปีงบประมาณ โดยประมาณ 85% เป็นชาวอินเดีย และส่วนใหญ่จะทำงานอยู่ในอุตสากรรมไอที
ขณะนี้คำว่า H -1B กลายเป็นเทรนด์ฮอตฮิตที่สุดบนทวิตเตอร์ในอินเดียไปแล้ว.