สหรัฐฯ ปรับอดีตผู้บริหารทาคาตะร่วมพันล้าน
เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลสหรัฐฯ ตัดสินให้อดีตผู้บริหารทั้ง 3 ของบริษัททาคาตะมีความผิด หลังจากข่าวการระเบิดของถุงลมนิรภัยซึ่งเป็นข่าวใหญ่ที่ทำให้มีการเรียกคืนรถยนต์มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐฯ
ผู้บริหารทั้ง 3 ซึ่งลาออกจากบริษัททาคาตะไปในปี 2558 ถูกปรับหลังจากพบการทุจริตเพื่อซ่อนข้อบกพร่องของถุงลมนิรภัย โดยอ้างอิงจากเอกสารที่นำมาใช้ประกอบการพิจารณาดำเนินคดีในศาลรัฐมิชิแกน
ภายหลังจากการตัดสินเรียกเงินจากผู้บริหารบริษัทโฟล์กสวาเกน 6 ราย จากการทุจริตค่าปล่อยไอเสียในคดี ‘ดีเซลเกท’ ที่โด่งดัง ส่งผลให้กระทรวงยุติธรรมเข้าใกล้การปิดคดีของบริษัททาคาตะมากขึ้นซึ่งจะเสร็จสิ้นก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่
แหล่งข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมจะจัดการแถลงข่าวเกี่ยวกับการตกลงครั้งนี้รวมไปถึงการสั่งปรับเงินมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเวลา 18.30 ตามเวลาอังกฤษของวันที่ 14 ม.ค.
ทางรัฐบาลของสหรัฐฯ ทำการปรับนายชินอิจิ ทานากะ นายฮิเดโอะ นากาจิมา และนายซึเนโอะ ชิการาอิชิ ซึ่งเป็นอดีตพนักงานของบริษัททาคาตะ
รัฐบาลให้ข้อมูลว่า พวกเขาทั้งสามรู้ถึงข้อบกพร่องของถุงลมนิรภัยที่ไม่ผ่านระดับมาตรฐาน แต่พวกเขาลบข้อมูลการทดสอบที่ไม่พึงประสงค์ออกไปจากฐานข้อมูลการทดสอบในการประชุมเกี่ยวกับข้อมูลการทดสอบการผลิตที่มีการจัดทำเป็นประจำ
จากการตรวจสอบพบว่าถุงลมนิรภัยของบริษัททาคาตะที่มีข้อบกพร่องจนเกิดการเรียกคืนรถยนต์ทั่วโลกกว่า 100 ล้านคัน เมื่อถึงเวลาใช้งานถุงลมอาจปล่อยโลหะและพลาสติกด้วยความแรงจนกลายเป็นกระสุนพุ่งจากเครื่องสูบลมจนทำให้คนขับหรือผู้โดยสารบาดเจ็บได้
บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่เกือบทั้งหมดจำเป็นต้องเรียกคืนรถยนต์เพราะความผิดพลาดในครั้งนี้ ทั้ง เจเนรัลมอเตอร์ ฮอนด้า บีเอ็มดับบลิว และเทสลา
ในเดือนพ.ย ปี 2558 สำนักงานรักษาความปลอดภัยบนท้องถนนของสหรัฐฯ เรียกเก็บเงินมากเป็นประวัติการณ์คือมากกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับบริษัททาคาตะ หลังจากให้ข้อมูลของข้อบกพร่องที่ไม่เพียงพอและไม่ถูกต้องกับหน่วยงานที่กำกับการดูแลการผลิต
หมายเหตุ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ = 35.56 บาท / 14 ม.ค. 2560