ยุโรปกว่า 7 แสนขออยู่ UK ต่อหลังเบร็กซิท
มีพลเมืองจากสหภาพยุโรปกว่า 750,000 คนยื่นคำร้องขออยู่อาศัยต่อในสหราชอาณาจักร หลังจากสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป ซาจิด จาวิด รมว.กระทรวงมหาดไทยของสหราชอาณาจักรระบุเมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา
ประเด็นความกังวลที่เกิดขึ้นกับพลเมืองสัญชาติอียูกว่า 3 ล้านคนซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในสหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในประเด็นการเจรจาที่มีการให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกๆของการพูดคุยเพื่อทำข้อตกลงในเงื่อนไขของเบร็กซิท
สหราชอาณาจักรระบุว่า พลเมืองของอียูมีเวลาจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2563 ในการยื่นคำร้องเพื่อขอสถานะการอาศัยอยู่ที่มั่นคง ไม่ว่าข้อตกลงในการออกจากอียูจะได้รับการอนุมัติหรือไม่ก็ตาม
โดยปัจจุบัน สหราชอาณาจักรมีกำหนดออกจากอียูในวันที่ 31 ต.ค. แต่นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์จะลาออกจากตำแหน่งนายกฯ หลังจากล้มเหลวที่จะทำให้ข้อตกลงของเธอได้รับการอนุมัติจากสภา และผู้ที่จะมาทำหน้าที่แทนเธอก็มีความคิดแตกแยกกันในความแตกต่างของข้อตกลง
“ พลเมืองอียูเป็นเพื่อนของเรา เป็นเพื่อนบ้าน และเพื่อนร่วมงานซึ่งอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากในประเทศนี้ ไม่ว่าผลของเบร็กซิทจะเป็นอย่างไรก็ตาม เราอยากให้พวกเขาอยู่ต่อ ” จาวิด ระบุในแถลงการณ์ โดยเสริมว่าจนถึงตอนนี้มีใผู้สมัครยื่นคำร้องเข้ามามากถึง 750,000 คน
ตัวเลขที่ทางกระทรวงเผยแพร่ชี้ว่ามีผู้ยื่นคำร้องมากถึง 621,400 คนจนถึงสิ้นเดือนเม.ย. โดยในเดือนแรกหลังมีการประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 มี.ค. ก็มีผู้ยื่นคำร้องเข้ามาถึง 389,000 คน ขณะที่ส่วนที่เหลือยื่นสมัครตั้งแต่ช่วงทดลองซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว
ตามกฎหมายของอียู พลเมืองของอียูซึ่งอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่องในสหราชอาณาจักรนาน 5 ปีจะได้รับสถานะผู้อาศัยถาวร โดยให้สิทธิในการทำงาน การศึกษา และได้รับสิทธิประโยชน์และบริการอย่างที่ได้ในปัจจุบัน
รัฐบาลระบุว่า พลเมืองชาวโปแลนด์ยื่นคำร้องขออยู่อาศัยต่อเข้ามามากที่สุดประมาณ103,200 คน รองลงมาคือชาวโรมาเนีย 89,900 คน และชาวอิตาเลียน 70,800 คน
จากจำนวนผู้สมัครทั้งหมด 445,000 คน มี 1 ใน 3 ที่ได้สถานะอยู่อาศัยถาวร ส่วนที่เหลือได้สถานะ ‘pre-settled’ และสามารถยื่นขอสถานะถาวรได้เมื่ิออยู่ครบ 5 ปี.