คาวานอห์ได้เป็นผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐฯ
วุฒิสภาสหรัฐฯมีมติเห็นชอบให้เบรตต์ คาวานอห์เป็นผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐฯในวันที่ 6 ต.ค.แม้จะมีการไต่สวนก่อนหน้านี้เรื่องการล่วงละเมิดทางเพศของคาวานอห์ก็ตาม ถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ซึ่งเป็นผู้เสนอชื่อเขาเข้ามา
ถึงแม้จะมีการประท้วงอยู่ภายนอกที่กลุ่มคนพากันตะโกนว่า “ น่าละอาย น่าละอาย ” แต่วุฒิสภาก็ยังเดินหน้าลงมติและมีผลทำให้คาวานอห์ชนะไปด้วยคะแนน 50 ต่อ 48 เสียง ทำให้เขาได้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลสูงสุดซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญของสหรัฐฯ ผู้ประท้วงไม่พอใจทั้งจากคดีที่มีผู้กล่าวหาเขาเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศหลายรายในอดีต และจากแนวคิดอนุรักษ์นิยมของเขา ที่จะทำให้ดุลอำนาจในศาลสูงสุดของสหรัฐฯต้องเสียไป อาจส่งผลร้ายกับคำพิพากษาในประเด็นขัดแย้งของประเทศอย่าง สิทธิการทำแท้ง สิทธิของชาว LGBT ขอบเขตอำนาจของประธานาธิบดี และบทบาทของศาสนาในสังคม
ไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนั้น คาวานอห์ได้ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นส่วนตัวในศาลสูงสุดโดยจอห์น โรเบิร์ต ประธานศาลสูงสุดและผู้พิพากษาที่เขาเข้ามาแทนที่ คือ แอนโธนี เคนเนดี โดยภายนอกอาคาร กลุ่มผู้ประท้วงยังรวมตัวชุมนุมกัน และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจผลักดันให้ออกจากพื้นที่
ทั้งนี้ การที่ประธานาธิบดีทรัมป์เสนอชื่อคาวานอห์เป็นผู้พิพากษาศาลสูงสุดกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวเมื่อ ศ.คริสตีน เบลซีย์ ฟอร์ดกล่าวหาว่าคาวานอห์เคยล่วงละเมิดทางเพศเธอตั้งแต่ทั้งสองคนเป็นวัยรุ่นชั้นมัธยมปลายในช่วงทศวรรษปี 1980 ก่อให้เกิดความไม่พอใจไปทั่วและบีบให้พรรครีพับลิกันต้องเลื่อนการลงมติออกไปอีกสัปดาห์เพื่อให้เวลากับกระบวนการสอบสวนจาก FBI
ผู้นำสหรัฐฯกล่าวชื่นชมการแต่งตั้งคาวานอห์กับกลุ่มคนที่สนับสนุนเขาในรัฐแคนซัสว่าเป็น “ คืนประวัติศาสตร์ ”
“ ผมยืนอยู่ต่อหน้าพวกคุณในวันนี้พร้อมชัยชนะอันยิ่งใหญ่สำหรับชาติของเรา ประชาชนของเรา และรัฐธรรมนูญที่เป็นที่รักของเรา ” ทรัมป์กล่าว
เขาไม่สนใจข้อกล่าวหาที่มีต่อคาวานอห์ โดยตำหนิพรรคเดโมแครตว่า ใช้แคมเปญที่น่าละอายเพื่อทำลายในทางการเมืองและส่วนบุคคล
ชัค ชูเมอร์ ส.ว.ผุ้นำเสียงส่วนน้อยเรียกการเสนอชื่อคาวานอห์ว่า เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่เศร้าที่สุดในประวัติศาสตร์ของวุฒิสภา และระบุว่าเรื่องนี้จะเป็นเหมือนสัญญาณไฟแดงเตือนสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
ทั้งนี้ ศ.ฟอร์ดกล่าวหาคาวานอห์ว่าเคยล่วงละเมิดทางเพศเธอในงานเลี้ยงที่บ้านหลังหนึ่งช่วงที่เธอและเขายังเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลาย ขณะที่มีหญิงอีกคนที่กล่าวหาเขาว่าโชว์ของลับให้เธอดูในงานเลี้ยงที่มหาวิทยาลัยเยลในอดีตที่ทั้งสองยังเป็นนักศึกษาที่นั่น
มีความกังวลว่า กระบวนการแทรกแซงจากทรัมป์ที่มีต่อวุฒิสภาและศาลสูงสุดสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบร้ายแรงในอนาคต นอกจากนี้ จากความเจ้าอารมณ์และความไม่พอใจของตัวคาวานอห์เองที่แสดงออกมาในระหว่างการไต่สวน ก่อให้เกิดการตั้งคำถามว่า เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์และปฏิบัติหน้าที่ในทางกฎหมายได้ดีเพียงพอในประเด็นที่เปราะบางและอ่อนไหวที่สุดหรือไม่.