โค้กสนใจตลาดเครื่องดื่มผสมกัญชา
เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา บริษัทโคคา -โคลาระบุว่า ทางบริษัทกำลังพิจารณาการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา โดยตอบโต้รายงานของสื่อที่ว่า บริษัทโคคา โคลาซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มขนาดใหญ่ที่สุดของโลกได้เจรจากับบริษัทออโรรา คานาบิส สัญชาติแคนาดา
การร่วมมือระหว่างสองบริษัทมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น โดยสถานีข่าวด้านเศรษฐกิจ บีเอ็นเอ็น บลูมเบิร์ก ของแคนาดารายงานว่า การจับมือกัน อาจทำให้บริษัทผู้ผลิตโค้ก สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจน้ำอัดลมที่กำลังซบเซาได้ โดยการเพิ่มความหลากหลายของเครื่องดื่มอย่าง กาแฟ และเครื่องดื่มที่ให้ความสำคัญกับร่างกาย
บริษัทใหญ่หลายแห่งเริ่มเข้าใกล้อุตสาหกรรมกัญชามากยิ่งขึ้นนับตั้งแต่ประเทศแคนาดา ประกาศให้การใช้กัญชาเพื่อผ่อนคลายเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้แคนาดากลายเป็นประเทศสำหรับฐานการผลิต และสถานที่ทดลองจนกว่ากฎหมายรัฐบาลกลางของสหรัฐฯจะมีการปรับเปลี่ยน
บรูซ แคมป์เบล ผู้จัดการกลุ่มหลักทรัพย์ ณ บริษัทสโตนคาสเซิล อินเวสเมนต์ แมเนจเมนต์ซึ่งได้ลงทุนในบริษัทผู้ผลิตกัญชา ระบุว่า “ในขณะที่บริษัทโคคา -โคลา เริ่มมีโอกาสที่จะพัฒนาและขายผลิตภัณฑ์ในบางรัฐของอเมริกา ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับธนาคารก็อยู่ในระดับอันตราย”
“สำหรับการเข้าลงทุนในตลาดของแคนาดาที่ถูกกฎหมาย ทำให้บริษัทโคคา – โคลา สามารถพัฒนาและสร้างแบรนด์ของตนเองขึ้นได้โดยที่ไม่ต้องละเมิดกฎหมายใด ๆ”
ทั้งบริษัทโคคา -โคลา และบริษัทออโรรา ได้ระบุผ่านแถลงการณ์ของตนเองว่า ทั้งสองให้ความสนใจเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของส่วนประกอบเคมีจากกัญชา แต่ยังไม่ขอให้ความเห็นเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดใด ๆ
ทั้ง 2 บริษัทสนใจในการพัฒนาเครื่องดื่มที่จะสามารถช่วยบรรเทาอาการอักเสบ อาการปวด และกล้ามเนื้อเกร็งตัว รายงานของบีเอ็นเอ็นได้อ้างอิงถึงแหล่งที่มาที่เกี่ยวข้องกับสารประกอบเคมีจากกัญชาบนเว็บไซต์
การเคลื่อนไหวดังกล่าวของบริษัทโคคา -โคลา อาจทำให้บริษัทกลายเป็นผู้ผลิตรายใหญ่รายแรกสำหรับเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ที่เข้าสู่ตลาดผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกัญชา
หุ้นของบริษัทออโรรา เพิ่มขึ้นราว 14% ขณะที่หุ้นของบริษัทผู้ผลิตสัญชาติแคนาดาเครือใกล้เคียงกันอย่าง คาโนปี โกรวธ์ คอร์ป และทิลเรย์ มีหุ้นเพิ่มขึ้น 3% และ 7% ตามลำดับ ส่วนหุ้นของบริษัทโคคา-โคลา กลับปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในตลาดสหรัฐฯที่กำลังซบเซา พร้อมกับการคาดการณ์ว่าอาจจะต้องเผชิญหน้ากับภาษีด้านการค้ากับจีนอีกครั้ง
วิเวียน อาเซอร์ นักวิเคราะห์ตลาดหลักทรัพย์จากบริษัท โคเวน ระบุว่า เธอคงไม่แปลกใจเลยถ้าหากในอนาคต ทางบริษัทเป๊ปซี่จะมีการร่วมือกับบริษัทอื่นเช่นเดียวกับที่บริษัทโคคา -โคลาทำ