คิมขอประชุมทรัมป์อีกครั้ง
ทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีคิมจองอึนแห่งเกาหลีเหนือส่งสารถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เพื่อขอให้มีการประชุมระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศขึ้นอีกครั้ง
โดยทางสหรัฐฯได้เรื่มดำเนินการทำหมายกำหนดการของการประชุมครั้งใหม่แล้ว
ซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกหญิงของทำเนียบขาวระบุว่า จดหมายที่แสนอบอุ่นจากผู้นำเกาหลีเหนือแสดงให้เห็นว่าทางเปียงยางให้ความสำคัญกับข้อผูกพันที่จะมุ่งปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่อง
“จุดประสงค์เบื้องต้นของจดหมายนี้คือเพื่อร้องขอและต้องการให้มีการประชุมขึ้นอีกครั้งกับท่านประธานาธิบดี ซึ่งทางเราเปิดกว้างและอยู่ในระหว่างการดำเนินการที่จะให้ความร่วมมือในเรื่องนี้” โฆษกแซนเดอร์สกล่าว
อย่างไรก็ตาม เธอยังไม่ได้ส่งสัญญาณว่า สถานที่ในการประชุมครั้งใหม่จะเป็นที่ใด
แต่เธอยกย่องว่า สารของผู้นำเกาหลีเหนือเป็นจดหมายที่อบอุ่นมาก เป็นเชิงสร้างสรรค์มาก และชื่นชมการเดินสวนสนามของกองทัพและขบวนพาเหรดของเกาหลีเหนือในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า เป็นสัญญาณของศรัทธาที่ดีเพราะไม่เกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ และยกย่องว่าเกิดจากความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีทรัมป์
มีรายงานว่า ขณะที่เกาหลีเหนือยังคงมีทหาร รถถังและอาวุธอื่นๆ ในการเดินสวนสนามและขบวนพาเหรด แต่ไม่มีการโชว์ขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBMs) ในขบวนพาเหรดครบรอบ 70 ปีของการก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือ
ทรัมป์เองได้ขอบคุณผู้นำเกาหลีเหนือผ่านทวิตเตอร์ โดยระบุว่า ขบวนพาเหรดเป็นแถลงการณ์สร้างสรรค์ในเชิงบวกครั้งใหญ่ของเกาหลีเหนือ
“ขอบคุณประธานคิม เราทั้งคู่จะพิสูจน์ว่าทุกคนคิดผิด !”
ในการประชุมครั้งประวัติศาสตร์เมื่อเดือนมิ.ย.ในสิงคโปร์ ผู้นำทั้งสองร่วมลงนามในข้อตกลงที่จะทำงานร่วมกันในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลี แต่ไม่ได้มีการระบุอย่างชัดเจนถึงช่วงเวลา รายละเอียด หรือกระบวนการใดๆ ที่จะตรวจสอบการปลดอาวุธอย่างแท้จริง
ยังมีการพูดคุยและเยียมเยือนกันระหว่างผู้นำระดับสูงของทั้งสองประเทศอย่างต่อเนื่อง แต่กำหนดการล่าสุดของไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่จะไปเยือนเกาหลีเหนือกลับถูกทรัมป์สั่งยกเลิกในนาทีสุดท้าย
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีมุนแจอินแห่งเกาหลีใต้มีกำหนดจะประชุมครั้งที่ 3 กับประธานาธิบดีคิมในสัปดาห์หน้าในกรุงเปียงยาง และรัฐบาลเกาหลีใต้ได้พยายามที่จะผลักดันให้มีการประชุม 3 ฝ่ายกับสหรัฐฯด้วย ซึ่งมีเป้าหมายที่จะเป็นการประกาศร่วมกันถึงการยุติสงครามเกาหลีที่เกิดขึ้นในปี 2491 – 2494 อย่างเป็นทางการ เนื่องจากสงครามจบลงด้วยการพักรบ ไม่ใช่สนธิสัญญาสันติภาพ ทำให้ในทางเทคนิคแล้ว กองทัพของสหประชาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ รวมทั้งเกาหลีใต้ยังคงอยู่ในสงครามกับเกาหลีเหนือ
ทางการเกาหลีใต้หวังว่า การประชุมระหว่างสองผู้นำเกาหลีในสัปดาห์หน้า จะเป็นการรื้อฟื้นเรื่องการเจรจาอาวุธนิวเคลียร์ หลังทรัมป์ยกเลิกการเยือนเกาหลีเหนือของรมว.ต่างประเทศเพราะไม่มีกระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ให้เห็นเป็นรูปธรรม.