แอปเปิลชี้ภาษีทรัมป์กระทบบริษัท
มาตรการภาษีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เสนอให้จัดเก็บกับสินค้านำเข้าจากจีนส่งผลกระทบกับผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลเป็นวงกว้าง บริษัทยักษ์ใหญ่ไฮเทคระบุในจดหมายที่ส่งถึงผู้แทนการค้าสหรัฐ นับเป็นการดึงแอปเปิลให้เข้ามาอยู่ในสถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าด้วย
อ้างอิงจากเอกสารของแอปเปิล มาตรการภาษีรอบใหม่ของทรัมป์กับสินค้านำเข้าจากจีนที่มีมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะส่งผลกระทบกับแอปเปิลวอตช์ แอร์พอด และแอปเปิลเพนซิล นอกจากนี้ยังกระทบกับโฮมพอด แมคมินิ และอแดปเตอร์กับที่ชาร์จสำหรับสินค้าของบริษัท ซึ่งทำให้ผู้บริโภคจะต้องจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ของแอปเปิล บริษัทระบุ
ในทางทฤษฎีแล้ว ผลกำไรและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งของแอปเปิลสามารถรองรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากในไตรมาสล่าสุด บริษัทมีรายได้ถึง 11,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯจากยอดขาย 53,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และรายงานว่าบริษัทมีสภาพคล่องกว่า 243,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เป็นเงินสดหรือเทียบเท่า เป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกโดยทะลุผ่าน 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯไปแล้วในช่วงต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา โดยบริษัทรายงานรายได้ประจำปีกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และดึงเงินลงทุนเข้ามามากกว่าที่วอลล์สตรีทคาดการณ์ถึง 21 ไตรมาสจาก 22 ไตรมาสล่าสุด
โดยในจดหมายฉบับนี้ แอปเปิลไม่ได้ชี้ว่า ภาษีจะกระทบกับบริษัททำให้มีค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไร
“ เป็นเรื่องยากที่จะทราบว่าภาษีซึ่งส่งผลกระทบบริษัทและผู้บริโภคสหรัฐฯ จะทำให้จุดประสงค์ของรัฐบาลก้าวหน้า เราหวังว่าท่านจะพิจารณาทบทวนมาตรการนี้ และทำงานเพื่อหาหนทางแก้ไขที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้เพื่อทำให้เศรษฐกิจและผู้บริโภคสหรัฐฯ แข็งแกร่งขึ้นกว่าที่เคยเป็น”
ทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิลเคยให้ข้อมูลก่อนหน้านี้ว่าไม่มีความกังวลกับมาตรการภาษี โดยระบุว่า เขาได้มีการพูดคุยกับผู้นำสหรัฐฯ เกี่ยวกับมาตรการภาษีแล้ว และเขาเชื่อมั่นว่าภาษีจะไม่กระทบไอโฟน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำกำไรสูงสุดของบริษัทและไม่ได้อยู่ในรายการสินค้าที่จะถูกจัดเก็บภาษีเพิ่มเติม
การทำประชาพิจารณ์ของผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) เกี่ยวกับภาษีเพิ่มเติมรอบใหม่เสร็จสิ้นลงในวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ลินเซย์ วอลเทอร์ส โฆษกทำเนียบขาวระบุในแถลงการณ์ที่ส่งให้สื่อ CNBC
“ USTR กำลังอยู่ในกระบวนการทบทวนความเห็นของประชาชน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เช่นนี้เป็นการให้ความสำคัญในประเด็นว่า จีนจะเล่นตามกฎและปรับปรุงวิธีปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ และเศรษฐกิจทั่วโลกได้อย่างไร ”
ทั้งนี้ หุ้นของแอปเปิลลดลงเกือบ 1% หลังปิดการซื้อขายในวันที่ 7 ก.ย.