ไต้ฝุ่นเชบีซัดญี่ปุ่นแรงสุดในรอบ 25 ปี
เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ไต้ฝุ่นที่มีกำลังแรงที่สุด เข้าโจมตีญี่ปุ่นในรอบ 25 ปี ทำให้เกิดดินถล่ม และส่งผลให้ประชาชนมากกว่า 1 ล้านคนต้องอพยพ หลังจากที่ไต้ฝุ่นลูกดังกล่าวโถมเข้าปั่นป่วนพื้นที่ทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่นพร้อมลมกระโชกแรงและฝนตกหนักต่อเนื่อง
ไต้ฝุ่นเชบี ที่มีกำลังลมมากถึง 216 กม./ชม. เข้ากวาดเรือบรรทุกที่กำลังจอดอยู่ริมอ่าวโอซาก้าจนปะทะเข้ากับสะพาน และทำให้ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซที่ตั้งอยู่บนเกาะเทียมถูกน้ำท่วมเป็นบางส่วน
แต่ภายหลังจากที่ไต้ฝุ่นดังกล่าวทำให้เกิดเหตุดินถล่ม พบว่าไม่มีรายงานเกี่ยวกับความเสียหายรุนแรงใด ๆ และไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
ภาพจากสถานี NHK เผยให้เห็นด้านบนของเรือบรรทุกที่ชนเข้ากับสะพาน ซึ่งสะพานดังกล่าวเป็นส่วนเชื่อมระหว่างเมืองอิซูมิซาโนะ กับสนามบิน แต่ภายหลังพบว่าไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า พื้นรันเวย์และชั้นใต้ดินส่วนหนึ่งของสนามบินถูกน้ำท่วมหลังพายุรุนแรงได้พัดคลื่นสูง ทำให้เที่ยวบินทั้งหมดในท่าอากาศยานนานาชาติคันไซต้องถูกยกเลิก
ไต้ฝุ่นเชบี ได้เคลื่อนตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนืออย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะเริ่มเบากำลังลงหลังพาดผ่านประเทศญี่ปุ่นแล้ว
ผู้คนหลายหมื่นคนในประเทศต้องใช้ชีวิตโดยไม่มีไฟฟ้า และทำให้เที่ยวบิน รถไฟ และเรือเฟอร์รีต้องหยุดเดินทางทั้งหมด
นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ได้กระตุ้นให้ประชาชนอพยพล่วงหน้า และสั่งให้รัฐบาลใช้มาตรการจำเป็นทั้งหมดเพื่อปกป้องประชาชน
ริวตะ คุโรระ หัวหน้าสำนักงานอุตุนิยมวิทยาประจำประเทศญี่ปุ่น ระบุกับสำนักข่าว AFP ว่า เมื่อไต้ฝุ่นเชบี เดินทางมาถึงญี่ปุ่น พร้อมด้วยใจกลางที่มีกำลังลมมากถึง 162 กม./ชม. ทำให้ไต้ฝุ่นเชบีเป็นไต้ฝุ่นที่มีกำลังรุนแรงมาก
ไต้ฝุ่นเชบี มีที่มาจากคำว่า กลืน ในภาษาเกาหลี และถือว่าเป็นไต้ฝุ่นที่มีกำลังแรงที่สุด นับตั้งแต่ปี 2536 เป็นต้นมา
สำนักดับเพลิงและจัดการภัยพิบัติของญี่ปุ่นระบุว่า ได้มีคำแนะนำให้ผู้คนกว่า 1.19 ล้านคนทางตะวันตกและใจกลางญี่ปุ่นอพยพ พร้อมด้วย ประชาชนอีก 16,000 คนที่ถูกย้ำให้อพยพ แต่ยังไม่มีคำสั่งหนักแน่นในการอพยพแต่อย่างใด
ภาพจากโทรทัศน์เผยให้เห็นคลื่นสูงที่กระทบเข้ากับฝั่งอย่างรุนแรง รวมถึงภาพของเศษซากปรักหักพังในบริเวณที่เกิดดินถล่มลอยไปในอากาศ
ไต้ฝุ่นเชบี มีวิถีการเคลื่อนตัวที่คล้ายกับไต้ฝุ่นซีมารอน ซึ่งทำให้เกิดดินถล่มเมื่อวันที่ 23 ส.ค. กระทบเส้นทางคมนาคมหลายเส้นทาง แต่ทำให้เกิดความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บบางส่วนเท่านั้น.