ศก.อินเดียโตแม้เงินรูปีอ่อนค่า
เศรษฐกิจอินเดียประจำไตรมาสล่าสุดมีตัวเลขเติบโตสูงที่สุดในรอบ 2 ปี แม้ค่าเงินรูปีจะอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องก็ตาม
โดยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี ขยายตัวเติบโตถึง 8.2% ในไตรมาสสิ้นสุดเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบกับตัวเลข 5.5% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หนุนให้อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตสูงสุด
ขณะที่ในไตรมาสเดือนม.ค. – มี.ค.ปีนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจเติบโตอยู่ที่ 7.7%
โดยประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจสูงถึง 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 85.41 ล้านล้านบาทได้อานิสงส์จากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่งและการผลิต
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองในแง่ค่าเงิน สกุลเงินรูปีกลับอ่อนค่าลงมากที่สุดต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในรอบ 3 ปี โดยค่าเงินรูปีดิ่งลง 3.6% ในเดือนส.ค. ลดฮวบลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปี 2558 เป็นต้นมา และอ่อนค่าต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 5 แล้ว เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลอื่นในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เงินรูปีน่าเป็นห่วงมากเนื่องจากสหรัฐฯ กำลังจะมีกำแพงภาษีการค้าเพิ่มเติมกับสินค้านำเข้าจากจีน
ตั้งแต่ต้นปี 2561 จนถึงตอนนี้ ค่าเงินรูปีอ่อนค่าลงไปถึง 10% เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติเทขายเงินรูปีจากความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลการค้าของอินเดีย รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์
ถึงแม้ตัวเลขจีดีพีจะเป็นที่น่าพอใจ แต่นักวิเคราะห์บางคนยังคงตั้งข้อสงสัยว่าเศรษฐกิจอินเดียจะเติบโตเพิ่มขึ้นกว่านี้อีกหรือไม่
Shashank Mendiratta นักเศรษฐศาสตร์อินเดียจากธนาคาร ANZ ระบุว่า “ ตัวเลขแกร่งมากและส่วนใหญ่ได้แรงขับเคลื่อนจากการลงทุนของภาครัฐและการบริโภคที่สูง โดยเฉพาะเมื่อเป็นปีก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง “
“ เป็นแนวโน้มจีดีพีที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นในช่วงครึ่งปีแรก เมื่อมองต่อไปในอนาคต ผมคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตน่าจะอยู่ในระดับปานกลางเนื่องจากการลงทุนภาคเอกชนไม่มีแนวโน้มจะเติบโตกว่านี้ ”
สถาบันจัดอันดับเครดิตของมูดีส์เตือนเกี่ยวกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและอัตราดอกเบี้ยนโยบายของรัฐบาล และดุลบัญชีเดินสะพัดของอินเดีย
ธนาคารกลางของอินเดียได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.50% จากการประชุมสองครั้งที่ผ่านมาเป็น 6.5% เพื่อคุมตัวเลขเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าเป้าหมายระยะกลางอยู่ที่ 4% สำหรับ 9 เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ธนาคารกลางมีกำหนดจะประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 5 ต.ค.นี้.