ทรัมป์กล่าวหาจีนควบคุมค่าเงิน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ กล่าวหาจีนว่าควบคุมและกำหนดค่าเงินหยวนเพื่อสู้กับมาตรการภาษีของสหรัฐฯ
โดยการกล่าวหาของผู้นำสหรัฐฯมีขึ้นในการให้สัมภาษณ์กับสื่อรอยเตอร์ เขาเคยกล่าวหาจีนเช่นนี้ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯในปี 2559 และมีการพูดซ้ำอีกในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งสองประเทศกำลังเตรียมตัวที่จะประชุมร่วมกันในกรุงวอชิงตันในสัปดาห์นี้เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการต่อสู้ทางการค้าระหว่างกัน โดยหลายคนข้องใจกับการพูดคุยครั้งนี้ (ที่ไม่ใช่ผู้แทนการค้าในระดับสูง) ว่าจะประสบความสำเร็จในการลดความขัดแย้งได้จริงหรือไม่
ทรัมป์กล่าวกับรอยเตอร์ว่า เขาไม่คาดหวังผลลัพธ์มากนักจากการประชุมครั้งนี้ หลังจากล้มเหลวในการเจรจามาแล้วหลายครั้งในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้ เขายังได้กล่าวว่า เขาไม่มีกรอบเวลาในใจที่จะทำให้ความขัดแย้งระหว่างสองประเทศมหาอำนาจสิ้นสุดลง
นักวิเคราะห์แสดงความกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนอาจลุกลามกลายเป็นสงครามสกุลเงินไปด้วย
ในเดือนก.ค.ทั้งสองประเทศมีมาตรการภาษีที่จัดเก็บกับสินค้านำเข้าโต้ตอบกันในรอบแรกที่กระทบการค้ามูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยสหรัฐฯมีแผนจะจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติมอีกด้วยมูลค่า 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันที่ 23 ส.ค.นี้ และจีนสัญญาจะตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีมูลค่าเท่ากัน
รัฐบาลสหรัฐฯ ยังได้เตรียมมาตรการจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมอีก 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการพิจารณาในสัปดาห์นี้
ในเดือนส.ค. รัฐบาลสหรัฐฯประกาศว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ขอให้คณะทำงานพิจารณาภาษีในอัตรา 25% แทนที่จะเป็น 10% อย่างที่ตั้งใจตั้งแต่แรก
ทางเจ้าหน้าที่คณะทำงานโต้แย้งทรัมป์ที่มองว่า ภาษีที่สูงขึ้นเพื่อเป็นการขานรับกับค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลง แต่ความเห็นของทรัมป์ที่มีกับรอยเตอร์ยังเน้นถึงการกล่าวหานี้
“ ผมคิดว่า จีนควบคุมค่าเงินหยวน แน่นอนที่สุด” ทรัมป์กล่าวกับรอยเตอร์
ทั้งนี้ ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯในปี 2559 ทรัมป์เรียกจีนว่า ผู้ควบคุมค่าเงิน แต่ในปีที่แล้ว หลังจากเข้ารับตำแหน่ง เขากลับบอกว่าจีนไม่ได้ควบคุมค่าเงินแต่อย่างใด
ค่าเงินหยวนของจีนอ่อนค่าลงไปเกือบ 10% ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่ความขัดแย้งทางการค้าเริ่มตึงเครียดขึ้นในเดือนเม.ย. โดยค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลงช่วยบรรเทาผลกระทบจากมาตรการภาษี ทำให้สินค้าจีนมีราคาถูกลง
ทรัมป์ยังระบุว่า เขาได้บอกกับธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ให้รับผิดชอบค่าเงินที่เปลี่ยนแปลง โดยย้ำว่า เฟดมีความเคลื่อนไหวเร็วกว่าธนาคารกลางประเทศอื่นๆ ในการยกเลิกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ
“ เรากำลังเจรจาอย่างทรงอำนาจและแข็งแกร่งกับชาติอื่นๆ เรากำลังจะชนะ แต่ในช่วงเวลาเหล่านี้ ผมควรได้รับความช่วยเหลือจากเฟด ซึ่งกลับเอื้อประโยชน์ให้ประเทศอื่นๆ มากกว่า ” เขากล่าวกับรอยเตอร์
นอกจากจีนแล้ว เขากล่าวว่า “ ผมคิดว่ามีการควบคุมค่าเงินยูโรเช่นกัน”
แน่นอนว่าทรัมป์ยังกล่าววิจารณ์เฟดอีกครั้งที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยผู้ว่าการเฟดคือเจอโรม พาวเวลล์ ซึ่งเขาเป็นคนแต่งตั้งเอง ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ และคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอีกครั้งในปีนี้
โดยเฟดระบุว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งมีเจตนาที่จะป้องกันเงินเฟ้อที่ควบคุมไม่ได้ แต่นักวิเคราะห์มองว่า ดอกเบี้ยที่สูงขึ้นส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
ทั้งนี้ ทรัมป์กังวลว่า ดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงขึ้นจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว
“ ผมไม่ตื่นเต้นกับการขึ้นดอกเบี้ยของเขา ไม่ ผมไม่ตื่นเต้นเลย ” เขากล่าวกับรอยเตอร์ ย้ำให้เห็นถึงคำวิจารณ์ที่เขาได้กล่าวก่อนหน้านี้.