ทรัมป์ขู่ฮาร์เลย์ย้ายโรงงานเจอภาษีอ่วมแน่
เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯออกโรงขู่แบรนด์ฮาร์เลย์-เดวิดสันว่า จะต้องจ่ายภาษีมากอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน หากบริษัทย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศ
โดยผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่าบริษัทผลิตมอเตอร์ไซค์สัญชาติอเมริกันยักษ์ใหญ่แห่งนี้ใช้ข้ออ้างเรื่องความตึงเครียดทางการค้าที่กำลังเกิดขึ้นมาเป็นข้ออ้างของแผนในการเปลี่ยนแปลงฐานการผลิต
“ ฮาร์เลย์-เดวิดสันไม่ควรผลิตในประเทศอื่น – ไม่ควร ! พนักงานและลูกค้าของพวกเขาโกรธมาก ถ้าย้าย ระวังไว้ มันจะเป็นการเริ่มต้นของจุดจบ พวกเขายอมแพ้ พวกเขาเลิกทำ ออร่าที่มีอยู่จะหายไปและพวกเขาจะถูกเก็บภาษีหนักอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน ! ” ทรัมป์ระบุในทวิตเตอร์
“ เมื่อต้นปีนี้ ฮาร์เลย์-เดวิดสันบอกว่า จะย้ายโรงงานผลิตจากแคนซัสไปประเทศไทย มันมีมานานก่อนที่จะประกาศภาษีอีก ดังนั้น พวกเขาใช้เรื่องภาษี/สงครามการค้ามาเป็นข้ออ้างมากกว่า ” ทรัมป์ระบุในอีกทวีตหนึ่งของเขา
ทั้งนี้ ฮาร์เลย์-เดวิดสันยังไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อ CNBC ในประเด็นนี้
โดยเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ฮาร์เลย์ระบุว่า บริษัทจะย้ายฐานการผลิตบางส่วนไปต่างประเทศ จากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากภาษีของอียูที่ตอบโต้ภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมของทรัมป์ก่อนหน้านี้ ไม่มีการย้ายโรงงานผลิตไปยุโรปจากผลกระทบของภาษี อ้างอิงจากข้อมูลของบริษัท โดยโรงงานผลิตของฮาร์เลย์นอกสหรัฐฯ ในปัจจุบันอยู่ในบราซิล อินเดีย ออสเตรเลีย และประเทศไทย
หุ้นของบริษัทลดลงต่ำกว่า 1% ในตลาดเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.หลังดิ่งลงเกือบ 6% เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.
เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.บริษัทวิเคราะห์ Stifel ลดตัวเลขคาดการณ์รายได้ของแบรนด์ฮาร์เลย์สำหรับปีนี้ และแนะนำให้ถือหุ้นไว้ก่อนและราคาตามเป้าคือ 45 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหุ้น สูงกว่าตัวเลขปิดตลาดของวันที่ 25 มิ.ย.ประมาณ 8%
ทรัมป์ระบุในทวีตเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ว่า เขารู้สึกแปลกใจมากกับการตัดสินใจของฮาร์เลย์ ก่อนหน้านี้เขาเคยกล่าวขอบคุณบริษัทฮาร์เลย์-เดวิดสันเมื่อปีที่แล้วที่บริษัทผลิตสินค้าในอเมริกา และวิจารณ์บริษัทอื่นๆที่ย้ายฐานการผลิตออกไปนอกสหรัฐฯ
ความตึงเครียดทางการค่าระหว่างสหรัฐฯ กับหลายประเทศร้อนระอุขึ้นในช่วงหลายเดือนมานี้
“ ฮาร์เลย์ต้องรู้ว่า พวกเขาจะไม่สามารถขายสินค้ากลับเข้ามาในสหรัฐฯโดยไม่จ่ายภาษีก้อนใหญ่ ” ทรัมป์ระบุในอีกทวีตเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.
ทั้งนี้ ฮาร์เลย์ขายรถมอเตอร์ไซค์ใหม่ได้เกือบ 4,000 คันเมื่อปีก่อนในยุโรป คิดเป็น 16% ของยอดขายโดยรวม และเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดนอกสหรัฐฯ อ้างอิงจากข้อมูลของบริษัท.