ทรัมป์เปิดศึกการค้าโลกรอบสอง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯได้อนุมัติให้สหรัฐฯตั้งกำแพงภาษีมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.62 ล้านล้านบาท สำหรับสินค้าส่งออกของจีน อ้างอิงจากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้
คาดการณ์ว่า จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 มิ.ย. โดยประธานาธิบดีทรัมป์ให้ไฟเขียวหลังการประชุมเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.กับคณะทำงานฝ่ายเศรษฐกิจระดับสูง ทั้ง Steven Mnuchin รมว.กระทรวงการคลัง Wilbur Ross รมว.กระทรวงพาณิชย์ และ Robert Lighthizer ผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจทั้งสองที่เพิ่มขึ้น และในเวลาเดียวกัน ทรัมป์ยังแตกคอกับประเทศพันธมิตรอย่างแคนาดา เม็กซิโก และสหภาพยุโรปเรื่องกำแพงภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ จีนระบุว่า จะตอบโต้การขึ้นภาษีของสหรัฐฯมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์กับสินค้าส่งออกของจีน ด้วยการตั้งกำแพงภาษีมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์เช่นกันกับสินค้าจากสหรัฐฯ ทั้ง รถยนต์ เครื่องบิน และถั่วเหลือง เป็นเวลานานหลายเดือนแล้วที่ผู้นำสหรัฐฯ ขู่ว่าจะขึ้นภาษีกับสินค้าส่งออกของจีนเพื่อเป็นการลงโทษที่จีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯในช่วงเวลาที่ผ่านมา
โดยทรัมป์ประกาศครั้งแรกในเดือนมี.ค.ว่า สหรัฐฯจะตั้งกำแพงภาษีมูลค่าประมาณ 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับสินค้าจากจีน
“เรามีปัญหาการถูกขโมยทรัพย์สินทางปัญญามูลค่ามหาศาล นี่จะทำให้เราเป็นชาติที่แข็งแกร่งขึ้น ร่ำรวยมากขึ้น” ผู้นำสหรัฐฯพูดในช่วงเวลานั้น
หลังจากจีนเตือนว่าจะตอบโต้เช่นเดียวกัน ทรัมป์ก็ขู่ว่าจะตั้งกำแพงภาษีเพิ่มอีก 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯกับสินค้าอื่นๆของจีน
ในช่วงกลางเดือนพ.ค. ทั้งสองฝ่ายประกาศการพักรบหลังจากมีการเจรจาทางการค้าผ่านไปสองรอบ โดยมีการเจรจาเกิดขึ้นทั้งที่จีนและสหรัฐฯ
โดยทั้งสองประเทศมหาอำนาจระบุในแถลงการณ์ร่วมว่า จีนจะเพิ่มปริมาณการซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ ทั้งภาคส่วนการเกษตรและพลังงาน เพื่อลดความไม่สมดุลทางการค้าของสองประเทศลง ซึ่งเป็นความต้องการลำดับแรกของคณะทำงานของทรัมป์ Mnuchin รมว.กระทรวงการคลังสหรัฐฯได้ชี้แจงว่า สงครามการค้าจะยังไม่เกิดขึ้น
สิบวันต่อมา ทางทำเนียบขาวแถลงว่า จะเดินหน้าผลักดันเรื่องขึ้นภาษีต่อไป ควบคู่กับการจำกัดจำนวนการลงทุนของบริษัทจีนในสหรัฐฯ
โดยคณะทำงานของทรัมป์ระบุว่า จะพิจารณารายชื่อสินค้าเป็นครั้งสุดท้ายที่จะมีการปรับภาษีขึ้นเป็น 25% ภายในวันที่ 15 มิ.ย. ซึ่งจะมีการบังคับใช้ภาษีหลังจากนั้นทันที ในรายชื่อแรกเริ่มที่มีการเผยแพร่เดือนเม.ย. มีตั้งแต่ฟันปลอมไปจนถึงเครื่องพ่นไฟ การเจรจาทางการค้าในรอบต่อมาล้มเหลวที่จะหยุดไม่ให้เกิดความตึงเครียดขึ้นมาได้
การตัดสินใจของทรัมป์ที่จะเดินหน้าเรื่องภาษีกับจีนมีขึ้นหลังจากเขาประกาศขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมกับสินค้านำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโกและสหภาพยุโรปเช่นกัน
หลังการประชุม G7 ทรัมป์แสดงอาการไม่พอใจด้วยการทวีตต่อว่านายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดแห่งแคนาดาว่า “ไม่ซื่อสัตย์และอ่อนด้อย” และสั่งการให้ผู้แทนสหรัฐฯ อย่าลงนามในแถลงการณ์ร่วมกับกลุ่มผู้นำประเทศ G7
ทั้งนี้ สหภาพยุโรปและแคนาดาระบุว่า จะขึ้นกำแพงภาษีตอบโต้สหรัฐฯในเดือนก.ค. ขณะที่เม็กซิโกได้เริ่มมีการปรับขึ้นภาษีกับสินค้าจากสหรัฐฯแล้ว.