มูลค่าเฟซบุ๊กในตลาดหาย 8 หมื่นล้าน
เมื่อวันที่ 27 มี.ค. หุ้นของเฟซบุ๊กร่วงลง 5% เมื่อมีรายงานว่า ซีอีโอมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กตกลงที่จะเข้าให้ปากคำต่อหน้าสภาคองเกรสเกี่ยวกับข่าวฉาวเรื่องข้อมูลรั่วของบริษัท
โดยวิกฤตเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 มี.ค.หลังจากเฟซบุ๊กระบุว่า บริษัทระงับไม่ให้บริษัทวิเคราะห์ข้อมูล Cambridge Analytica หาประโยชน์จากข้อมูลผู้ใช้งานเฟซบุ๊กมากกว่า 50 ล้านราย ทั้งนี้ Cambridge Analytica ทำงานในแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในปี 2559
ตั้งแต่นั้น หุ้นของเฟซบุ๊กก็ดิ่งร่วงลงถึง 18% ทำให้มูลค่าในตลาดของเฟซบุ๊กหายไปเกือบ 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2.51 ล้านล้านบาท โดยทรัพย์สินสุทธิของซัคเคอร์เบิร์กลดลงประมาณ 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 439,320 ล้านบาท (อย่างไรก็ตาม เขายังมีทรัพย์สินสุทธิถึง 61,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.91 ล้านล้านบาท)
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นเทคโนโลยีก็ได้รับผลกระทบ หลังมีการเปิดโปงเกี่ยวกับข้อมูลที่รั่วไหลจากเฟซบุ๊ก โดยดัชนี Nasdaq ลดลง 6%
ขณะที่บริษัทโซเชียลมีเดียอื่นๆ ต่างก็ได้รับผลกระทบตามกันไปด้วย โดยหุ้นของอัลฟาเบท บริษัทแม่ของกูเกิลลดลง 7% ตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. ขณะที่ทวิตเตอร์ร่วงลงถึง 20% เฉพาะเมื่อวันที่ 27 มี.ค.เพียงวันเดียว หุ้นของทวิตเตอร์ลดลง 12%
นักลงทุนกังวลว่าเฟซบุ๊ก กูเกิล และทวิตเตอร์อาจต้องเจอกับความเข้มงวดจากหน่วยงานที่กำกับดูแลของสหรัฐฯ และทั่วโลกจากกรณีอื้อฉาวของ Cambridge Analytica
หากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง อาจเป็นอุปสรรคกีดขวางการเติบโตของทั้งสามบริษัท โดยเฉพาะเฟซบุ๊ก นักลงทุนยังกังวลอีกว่าผู้ใช้งานอาจหนีหายจากบริษัทเหล่านี้เพราะความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว และถ้าผู้ใช้งานหนีหายไป ในที่สุด ลูกค้าผู้ลงโฆษณาก็จะกระโดดหนีตามกันไปหมด
นี่จึงเป็นเหตุผลที่นักวิเคราะห์วอลล์สตรีทหลายคนลดเป้าหมายราคาและประเมินรายได้ของเฟซบุ๊กในช่วงเกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่หลายคนกลับขยับการคาดการณ์ขึ้น โดยแย้งว่า ช่วงที่เลวร้ายที่สุดกำลังจะผ่านไป และนักลงทุนขานรับเรื่องนี้อย่างตื่นตระหนกเกินไป
เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่า เฟซบุ๊กจะอยู่ในตลาดกระทิง (หุ้นขึ้น) หรือตลาดหมี (หุ้นลง) สุดท้ายแล้วใครจะพิสูจน์ได้ว่าใครคาดการณ์ได้ถูกแต่ชัดเจนว่า ในตอนนี้ ความเชื่อมั่นในเฟซบุ๊กและบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ถูกเขย่าจนสั่นคลอน
“ ขณะที่ข่าวฉาวดูจะจางหายไป นักลงทุนควรตระหนักว่าการขายออกอย่างต่อเนื่องไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ และหากมีข่าวฉาวอื่นเกิดขึ้นอีกอาจเป็นการหยุดไม่ให้ภาคส่วนเทคโนโลยีเติบโต ” Craig Birk รองประธานบริหารจัดการพอร์ทที่บริษัทลงทุน Personal Capital ระบุเมื่อวันที่ 27 มี.ค.