รัสเซียขยายโจมตีภาคตะวันตกยูเครน

รัสเซียขยายการโจมตียูเครนคืบสู่ภาคตะวันตกใกล้ชายแดนโปแลนด์เข้าไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่พื้นที่แถบนั้นเคยเป็นสถานที่หลบภัยชาวยูเครนและเส้นทางอพยพไปสู่โปแลนด์

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าสถานการณ์รัสเซียบุกยูเครน วันที่ 23 เมื่อวันศุกร์ 18 มี.ค. กองทัพรัสเซียใช้ระเบิดโจมตีเป้าหมายเมือง “ลาวีฟ” – Lviv ทางภาคตะวันตกยูเครน ห่างชายแดนโปแลนด์เพียง 80 กม. เหตุโจมตีเกิดตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้งมีรายงานสนามบินนานาชาติของเมืองลาวีฟ ถูกถล่มด้วยจรวดรัสเซียหลายลูก โดยฝ่ายยูเครน อ้างรัสเซียใช้จรวด “Kh-555” ปล่อยจากเครื่องบินและใช้จรวดยิงมาจากกลางทะเลดำอีกอย่างน้อย 6 ลูก คาดว่ารัสเซียกำลังพยายามตัดเส้นทางส่งกำลังบำรุงที่มาจากโปแลนด์

ทั้งนี้ เมืองลาวีฟ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งของยูเครน เป็นสถานที่หลบภัยสำคัญของชาวยูเครนทางภาคตะวันตก ทั้งเป็นเส้นทางสำคัญของผู้อพยพจากยูเครนไปสู่โปแลนด์ ผลการโจมตีเมืองทางด้านตะวันตกยูเครน ถือเป็นการบุกยูเครนอีกด้านหนึ่ง นอกเหนือจากการบุกรุกคืบของรัสเซียเข้าทางภาคเหนือผ่านเบลารุส และทางด้านตะวันออกกับภาคใต้ยูเครนแล้ว
แหล่งข่าวกองทัพอังกฤษและยูเครนอ้าง การรุกคืบของรัสเซียเกิดขึ้นแล้วทุกด้านในยูเครน ก่อความสูญเสียและเสียหายอย่างมากจากทั้งฝ่ายยูเครนและรัสเซีย สหประชาชาติยืนยันตัวเลขพลเรือนยูเครนเสียชีวิตแล้วกว่า 780 ราย ผู้คนจากยูเครนลี้ภัยสงครามแล้วมากกว่า 3.2 ล้านคน
ท่าทีของผู้นำรัสเซียยังไม่แสดงเจตนารมณ์ต้องการประนีประนอมเจรจาใดๆ ทั้งกล่าวหาสหรัฐฯกำลังพยายามปลุกกระแส “ความเกลียดกลัวรัสเซีย” – Russophobia ทั้งประกาศกร้าวรัสเซียไม่รีรอที่จะใช้พลังอำนาจบดขยี้ศัตรู

ส่วนสถานการณ์ทางภาคใต้ยูเครน ฝ่ายรัสเซียอ้างได้รับความช่วยเหลือร่วมมือจากกบฏยูเครน เร่งกระชับพื้นที่ยึดครองเมืองมาริอูโปล เมืองท่าและศูนย์กลางความเจริญทางภาคใต้ได้แล้วเกือบเบ็ดเสร็จ ทั้งๆที่ชาวยูเครนยังติดค้างอยู่ในพื้นที่ประมาณ 300,000 คน.
