กรุงเคียฟ ‘เคอร์ฟิว 35 ชั่วโมง’ เร่งหาทางออกวิกฤตยูเครน

นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ สโลเวเนียและสาธารณรัฐเชก ฝ่าดงสงครามเข้าไปร่วมเจรจากับผู้นำยูเครนถึงกลางกรุงเคียฟ หวังเร่งหาทางออกยุติวิกฤตรัสเซียบุกยูเครนแล้ว 20 วัน
นายเทศมนตรีกรุงเคียฟ เมืองหลวงยูเครน ประกาศบังคับใช้มาตรการ “เคอร์ฟิว” ห้ามผู้คนออกนอกเคหาสถานนาน 35 ชั่วโมง นับตั้งแต่เวลา 20.00 น.วันอังคาร 15 มี.ค.จนถึงช่วงเช้า 07.00 น. วันพฤหัสบดี 17 มี.ค.ตามเวลาท้องถิ่น อ้างเพื่อความปลอดภัยของประชาชน ขณะที่นายกรัฐมนตรีมาเทอุซ โมราวิคกิแห่งโปแลนด์ พร้อมกับนายกรัฐมนตรีสโลเวเนียและนายกรัฐมนตรีเพตร์ เฟียรา แห่งสาธารณรัฐเชก ชาติเพื่อนบ้านยูเครน พากันเดินทางด้วยรถไฟผ่านจากโปแลนด์เข้ากรุงเคียฟร่วมหารือกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีและนายกรัฐมนตรีเดนิส ชิมฮาลแห่งยูเครน เพื่อเร่งหาทางออกวิกฤติยูเครนให้รัสเซียหยุดยิงและถอนทหารออกจากยูเครน ทั้งแสดงให้เห็นถึงแรงสนับสนุนของชาติพันธมิตรสหภาพยุโรปต่อยูเครน ท่ามกลางสงครามที่ยังยืดเยื้อเข้าวันที่ 20

นายกรัฐมนตรีสาธารรัฐเชก กล่าวกลางที่ประชุมระบุ “ยูเครนไม่ได้ถูกทิ้งลำพัง พวกเราอยู่เคียงข้างคุณและคุณกำลังต่อสู้รัสเซียร่วมกับเรา”
การเดินทางเข้ายูเครนของเหล่าผู้นำโปแลนด์ สโลเวเนียและสาธารรัฐเชก ถือเป็นครั้งแรกที่มีคนระดับผู้นำประเทศเดินทางเข้ายูเครนนับตั้งแต่รัสเซียเริ่มบุกยูเครนเมื่อ 24 ก.พ. ขณะที่ยูเครนประกาศใช้กฎอัยการศึกในประเทศต่อไปจนถึงวันที่ 24 มี.ค.
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความรุนแรงในยูเครนยังเกิดขึ้นต่อเนื่องเมื่อวันพุธ 16 มี.ค. เสียงระเบิดยังดังระงมได้ยินกลางวงที่ประชุมจากการสู้รบกับระหว่างฝ่ายยูเครนกับรัสเซียทางด้านตะวันตกกรุงเคียฟ ขณะที่กองทัพรัสเซียยังรุกคืบหน้ากินพื้นที่ยูเครนเข้าไปเรื่อยๆอย่างช้าๆจากทั้งด้านเหนือ ด้านตะวันออกและด้านใต้ ทั้งยังมีการระดมยิงจรวดโจมตีเป้าหมายอีกหลายแห่งทางภาคตะวันตกยูเครนใกล้ชายแดนโปแลนด์ โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ส่วนตัวเลขผู้อพยพจากยูเครนหนีออกนอกประเทศจนถึงขณะนี้แล้วมากเกือบ 3 ล้านคน.
