เกาหลีใต้ใช้ระบบจดจำใบหน้าตามดูคนติดโควิด-19
เมืองปริมณฑลกรุงโซล ใช้เทคโนโลยีระบบจดจำใบหน้า ตรวจสอบความเคลื่อนไหวผู้ติดเชื้อโควิด-19 หวังสกัดกั้นการระบาดวงกว้าง ท่ามกลางเสียงท้วงติงละเมิดความเป็นส่วนตัวประชาชน
ตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้า 2022 ทางการเมืองพูซ็อน – Bucheon เมืองปริมณฑลกรุงโซล ถิ่นพำนักประชากรหนาแน่นอันดับ 2 รองจากกรุงโซล ด้วยประชากรมากเกือบ 8.5 ล้านคน เริ่มใช้เทคโนโลยีชั้นสูง “ระบบจดจำใบหน้า” คอยติดตามความเคลื่อนไหวของผู้คนภายในเมือง เพื่อตรวจสอบหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งหลบเลี่ยงมาตรการกักตัวออกมาเดินเพ่นพ่านในสังคมเมืองหนาแน่น อันเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการสกัดกั้นยับยั้งภัยระบาดโควิด-19
มาตรการนี้ถือเป็นโครงการนำร่องของรัฐบาลเกาหลีใต้ โดยอาศัยกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) คุณภาพสูงที่ติดตั้งทั่วทุกมุมเมืองกว้างขนาด 53.44 ตารางกิโลเมตร จำนวนมากกว่า 10,820 ตัว คอยติดตามสอดส่องผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อตรวจสอบทั้งตัวผู้ติดเชื้อและบุคคลใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยง หวังลดการแพร่กระจายของโรค
มาตรการลักษณะเดียวกันนี้อยู่ระหว่างพิจารณาบังคับใช้ในหลายประเทศทั่วโลก ไล่ตั้งแต่ จีน รัสเซีย อินเดีย โปแลนด์ ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางกระแสท้วงติงและห่วงกังวลเรื่องละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวประชาชนมากเกินไป แต่ทางการเกาหลีใต้อ้างมาตรการนี้เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมการเคลื่อนไหวไปมาของผู้ติดเชื้อโควิด-19 แจ้งความจริงต่อทางการหรือไม่ โดยศักยภาพของระบบจดจำใบหน้า สามารถทำงานจับภาพและวิเคราะห์ข้อมูลได้เฉลี่ยกล้องละมากกว่า 10 ราย ภายในเวลา 5 -10 นาที ทั้งใช้เจ้าหน้าที่มนุษย์ปฏิบัติการน้อยลง เพียงผลัดละ 10 คน โครงการนำร่องนี้ได้รับงบประมาณจากรัฐบาลกลาง 1,600 ล้านวอน หรือประมาณ 1.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินจากองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นอีก 500 ล้านวอน.