ทวิตเตอร์ชี้ผู้นำโลกมีสถานะพิเศษ
เมื่อวันที่ 5 ม.ค.ทวิตเตอร์แถลงย้ำถึงจุดยืนว่า บัญชีผู้ใช้งานที่เป็นผู้นำประเทศระดับโลกมีสถานะพิเศษบนเครือข่ายโซเชียลมีเดีย ถือเป็นการตอบโต้ผู้ใช้งานทวิตเตอร์จำนวนหนึ่งที่เรียกร้องให้บริษัทยกเลิกบัญชีทวิตเตอร์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ
“ การบล็อกผู้นำโลกจากทวิตเตอร์ หรือการลบทวีตที่สร้างความขัดแย้งจะเป็นการซ่อนข้อมูลสำคัญที่ประชาชนควรจะได้เห็นและมีการดีเบตกันมากกว่า ” ทวิตเตอร์ระบุในโพสต์บนบล็อกของบริษัท
ทั้งนี้ ทวิตเตอร์เคยแถลงเมื่อเดือนก.ย.ปี 2560 ว่า มูลค่าของข่าวสาร และทวีตที่เป็นผลประโยชน์ต่อสาธารณชน เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนที่จะมีการลบบัญชีผู้ใช้งาน หรือทวีตใดๆ
การดีเบตเกี่ยวกับการทวีตของประธานาธิบดีทรัมป์มีขึ้นหลังจากเขาทวีตตอบโต้จากบัญชีทวิตเตอร์ @realDonaldTrump เมื่อวันที่ 2 ม.ค.ว่า เขามีปุ่มกดอาวุธนิวเคลียร์ที่มีขนาดใหญ่กว่าและมีพลังทำลายล้างมากกว่าที่ประธานาธิบดีคิมจองอึนแห่งเกาหลีเหนือมีเสียอีก
นักวิจารณ์มองว่าทวีตและการมีบทบาทอย่างต่อเนื่องของประธานาธิบดีทรัมป์บนเครือข่ายโซเชียลมีเดียเป็นการทำอันตรายกับโลกและละเมิดกฎการแบนความรุนแรงของทวิตเตอร์ ทำให้มีผู้ใช้งานทวิตเตอร์จำนวนหนึ่งรวมตัวกันไปประท้วงที่สำนักงานใหญ่ของทวิตเตอร์ที่นครซานฟรานซิสโกในสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 3 ม.ค.
ทวิตเตอร์ขานรับกับเรื่องนี้โดยโพสต์ชี้แจงบนบล็อกของบริษัทว่า หากทวิตเตอร์บล็อกการใช้งานของผู้นำโลกคนคนหนึ่ง ก็ไม่อาจทำให้ผู้นำคนอื่นเงียบลงได้
บริษัทระบุว่า ได้พิจารณาทวีตของผู้นำระดับโลกหลายคนเพื่อให้มีการปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด โดยมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีการบันทึกข้อมูลที่พวกเขาโพสต์ทั้งหมด
“ ไม่มีบัญชีของใครที่ส่งผลต่อการเติบโตของทวิตเตอร์ หรือมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใดๆ ของบริษัท เราทำงานหนักเพื่อคงความยุติธรรมและไม่ลำเอียงกับประโยชน์สาธารณะ ” บริษัทเสริม
ทั้งนี้ ทำเนียบขาวไม่ได้ขานรับทันทีกับการที่สื่อขอให้ออกความเห็นเกี่ยวกับแถลงการณ์ล่าสุดของทวิตเตอร์ในประเด็นนี้
ผู้ใช้งานทวิตเตอร์จำนวนหนึ่งสนับสนุนการตัดสินใจของบริษัท ขณะที่คนอื่นๆ บ่นในประเด็นเรื่องสองมาตรฐาน
“ หากฉันทวีตแค่ครึ่งเดียวของที่ทรัมป์ทวีตตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ฉันคงถูกแบนอย่างถาวรจากทวิตเตอร์ไปแล้ว” ผู้ใช้งานทวิตเตอร์จากบัญชี @michaelranaii ให้ความเห็น.