แบงก์ชาติจีนขึ้นดอกเบี้ยตามเฟด
ธนาคารกลางจีนประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายตามหลังธนาคารกลางของสหรัฐฯ หรือเฟด นับเป็นความเคลื่อนไหวที่ทำให้นักเศรษฐศาสตร์ต่างรู้สึกแปลกใจ
โดยธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีนประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมเงิน หรือการทำธุรกรรมการขายโดยมีสัญญาซื้อคืนในรอบ 7 วัน และ 28 วันอีก 0.5%
ทั้งนี้ จีนกำลังพยายามจำกัดกระแสการไหลออกของเงินทุนจากประเทศเพื่อไม่ให้ไม่กระทบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ สำหรับอัตราดอกเบี้ยในการกู้ยืมระยะสั้น จีนยังได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลางระยะเวลา 1 ปีอีก 0.5%
จีนอธิบายความเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่าเป็นปฏิกิริยาของตลาดปกติเพื่อเป็นการขานรับกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯเพิ่งประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้
ทางเฟดระบุว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ (ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ก่อนหน้านี้) ชี้ให้เห็นถึงสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่กำลังเป็นช่วงขาขึ้น
นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ทางเศรษฐกิจ โดยคาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพีในปี 2561 จะขยายตัวอยู่ที่ 2.5% ปรับขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิม 2.1% ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา
เจเนท เยลเลน ประธานเฟด ซึ่งกำลังจะลงจากตำแหน่งในเดือนก.พ.ปีหน้า ระบุว่าเศรษฐกิจ ตลาดแรงงานและระบบการเงินของสหรัฐฯ มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งภายใต้การกำกับดูแลของเธอ เธอยังกล่าวว่า คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตยิ่งขึ้นจากแผนการปรับลดภาษี (ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ให้สัญญากับผู้สนับสนุนเขาในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง)
การตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ทำให้เฟดขยับห่างมากขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต
ทั้งนี้ จีนกำลังพยายามที่จะจำกัดการไหลออกของเงินทุนจากจีนเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่แข็งแกร่งขึ้น แต่เจิ้นจี นักวิเคราะห์จาก Bank of Communications กล่าวกับสื่อรอยเตอร์ว่า การขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้น้อยเกินไปที่จะส่งผลกระทบที่มีความหมายมากนัก
“นี่จะไม่ส่งผลกระทบกับการกู้ยืมเงินมากนัก และความผันผวนในระดับนี้ถือเป็นเรื่องปกติมากในตลาดธนาคารต่างประเทศ”
ธนาคารกลางฮ่องกงก็ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานเช่นกันหลังจากความเคลื่อนไหวของเฟด ที่ธนาคารกลางฮ่องกงขยับตัวตามเฟดเพราะค่าเงินดอลลาร์ฮ่องกงผูกติดกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ.