ความสัมพันธ์เกาหลีเหนือกับจีนถดถอย
ความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์ที่ยาวนานหลายทศวรรษของเกาหลีเหนือกับจีนดูจะมีความตึงเครียดเพิ่มขึ้น
โดยสัญญาณที่ชี้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศกำลังถดถอยมาจากข้อความจากประธานาธิบดีคิมจองอึนของเกาหลีเหนือที่ส่งไปให้ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน อ้างอิงจากข้อมูลของศ.คิมแตฮโย อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ประจำมหาวิทยาลัยซองคยูนกวาน วิทยาเขตโซล
สื่อของรัฐรายงานว่า ประธานาธิบดีคิมยินดีกับประธานาธิบดีสีที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 19 นี้ โดยประธานาธิบดีสีกระชับอำนาจและยังอยู่ในตำแหน่งผู้นำสูงสุดต่อไปอีก 5 ปี แต่มีความแตกต่างจากข้อความแสดงความยินดีกับผู้นำจีนเมื่อ 5 ปีก่อนที่ผู้นำเกาหลีเหนือเคยส่งข้อความแสดงความยินดีที่มีความยาวถึง 6 ประโยค รวมถึงประโยคอย่าง “ ความแข็งแกร่งในความเป็นผู้นำ มิตรภาพและความเป็นพี่น้องระหว่างกัน ” แต่ในครั้งนี้ มีข้อความเพียง 4 ประโยคและไม่ได้เอ่ยถึงความเป็นพี่น้องและมิตรภาพแต่อย่างใด อ้างอิงจากความเห็นของศ.คิม
ทั้งนี้ จีนถูกกดดันจากสหรัฐฯ ทำให้ตัดสินใจสั่งห้ามไม่ให้ธนาคารจีนช่วยเหลือลูกค้าเกาหลีเหนือในการทำธุรกิจ
เพื่อเป็นการหยุดยั้งการส่งออกของเกาหลีเหนือ และเป็นการปฏิบัติตามมติคว่ำบาตรของสหประชาชาติ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า ตัวเลขความสัมพันธ์ทางการค้าของจีนกับเกาหลีเหนือเติบโตขึ้น 3.7% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้
ศ.คิมระบุว่า ตั้งแต่ประธานาธิบดีคิมขึ้นเป็นผู้นำ ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศก็เข้าสู่ยุคที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจเริ่มลดน้อยลงและขาดความมั่นคงทางการเมือง ที่จริงแล้ว จีนค่อนข้างผิดหวังที่ประธานาธิบดีคิมในวัย 33 ปีในปัจจุบัน มีอำนาจในการปกครองเกาหลีเหนือมาตั้งแต่ปี 2554
ทั้งนี้ จีนไม่ต้องการให้เกาหลีเหนือปกครองโดยคิมจองอึน ซึ่งเป็นหลานชายและทายาทรุ่นที่ 3 ของผู้ก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือ จีนเชื่อว่าการปกครองโดยการเป็นศูนย์รวมอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์จะได้ผลดีกว่าการให้ประธานาธิบดีคิมรวบอำนาจการปกครองสูงสุดไว้ที่ตัวเองเพียงคนเดียว
ที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าเขาได้ดำเนินการกวาดล้างและลดทอนอำนาจบรรดาผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีคิมจองอิล บิดาของเขาและยังได้กระชับอำนาจของเขามากยิ่งขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมาด้วยการแต่งตั้งน้องสาวของเขาให้ได้รับตำแหน่งในระดับสูง
ทั้งนี้ สไตล์การปกครองของประธานาธิบดีคิมยังแตกต่างจากรูปแบบของบิดาของเขา ที่ให้ความสนใจกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อพยุงเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือ และไม่เคยมีการยิงทดสอบขีปนาวุธที่สร้างความขัดแย้งกับสหรัฐฯ ในขณะที่เกาหลีเหนือในปัจจุบันภายใต้การนำของประธานาธิบดีคิมจองอึนไม่เคยแสดงความต้องการที่จะพูดคุยทางการทูตกับประเทศใด.