เน็ตฟลิกซ์ทุ่มทุนเพิ่มกว่าพันล้าน
เน็ตฟลิกซ์กำลังระดมทุนเพิ่มอีก 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 53,312 ล้านบาทจากบรรดานักลงทุนเพื่อสนับสนุนงบประมาณในการผลิตรายการใหม่ๆ และมีความเป็นไปได้ที่จะมีการซื้อกิจการ
โดยเน็ตฟลิกซ์ซึ่งเป็นบริการวีดีโอสตรีมมิ่งชั้นนำมีแผนจะใช้จ่ายเงินมากกว่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการผลิตคอนเทนต์ในปีหน้าเพื่อแข่งขันกับคู่แข่งที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เน็ตฟลิกซ์จะออกพันธบัตรให้กับนักลงทุน ถึงแม้ยังไม่มีการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่จะจ่ายคืนให้นักลงทุนก็ตาม อ้างอิงจากแถลงการณ์ของบริษัท
ทั้งนี้ เน็ตฟลิกซ์มีแผนจะฉายภาพยนตร์มากถึง 80 เรื่องในปีหน้า แต่นักวิเคราะห์แสดงความกังวลถึงกระแสการใช้เงินสดและดอกเบี้ยจ่ายหนี้ของบริษัท
การระดมทุนครั้งล่าสุดของบริษัทสร้างหนี้ก้อนใหญ่ที่สุดจนถึงตอนนี้ และการระดมทุนครั้งที่ 4 ในเวลา 3 ปีทำให้สามารถระดมทุนได้มากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยการออกเป็นพันธบัตร
เมื่อช่วงต้นเดือนต.ค. เน็ตฟลิกซ์ระบุว่า จะปรับขึ้นราคาค่าสมาชิกในหลายประเทศ รวมถึงสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเป็นการปรับราคาขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี
บริษัทต้องมีการขยับราคาค่าสมาชิกให้สูงขึ้นเนื่องจากต้องเผชิญกับการแข่งขันอย่างรุนแรงจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างอเมซอนและผู้ให้บริการรายอื่นเช่นฮูลูและดิสนีย์ในสหรัฐฯ
ที่ผ่านมา เน็ตฟลิกซ์ทุ่มทุนอย่างหนักในการผลิตรายการของตัวเองที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกอย่าง The Crown, Stranger Things และ House of Cards
โดยภาพยนตร์เรื่องหนึ่งของบริษัทคือ Mudbound ได้รับคำชมจากนิตยสาร Variety ว่าเป็น “ มหากาพย์เกี่ยวกับเชื้อชาติและความยากจนในยุคทศวรรษ 1940 ในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำมิสซิสซิปปี ” ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดย แมรี เจ ไบลจ์ และแครี มัลลิแกน
นักวิจารณ์หลายคนให้ความเห็นว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในระดับชิงรางวัลและอาจเป็นภาพยนตร์สารคดีจากเน็ตฟลิกซ์เรื่องแรกที่ได้เข้าชิงออสการ์
ราคาหุ้นของเน็ตฟลิกซ์พุ่งสูงขึ้นมากกว่า 50% ในปีนี้หลังจากจำนวนสมาชิกทั่วโลกเติบโตขึ้นเกินคาดการณ์ โดยตอนนี้บริษัทมีจำนวนสมาชิกมากกว่า 109 ล้านรายทั่วโลก เพิ่มขึ้นถึง 15.5 ล้านรายในปีนี้
ความเคลื่อนไหวของบริษัทในการระดมทุนมีขึ้นท่ามกลางการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อาจจะเพิ่มขึ้นในไม่กี่เดือนนี้ เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดกำลังพิจารณาที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งภายในสิ้นปี 2560 นี้.