อาเบะชนะเลือกตั้งในญี่ปุ่น
นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา กวาดที่นั่งได้ถึง 2 ใน 3 ในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำให้เขามีโอกาสที่จะสร้างประวัติศาสตร์โดยการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 3
และเข้าใกล้การแก้ไขแก้รัฐธรรมนูญที่ไม่เคยมีการแก้ไขมาตั้งแต่ผ่านความเห็นชอบในช่วงหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2
โดยสื่อรายงานว่า พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ชนะการเลือกตั้งได้ที่นั่งทั้งหมด 312 ที่นั่งจากจำนวนที่นั่งทั้งหมด 465 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร ทำให้มีศักยภาพมากพอที่จะลงประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
(ที่มีสหรัฐฯ เป็นผู้ร่างขึ้นเพื่อจำกัดสิทธิของญี่ปุ่นในการเข้าร่วมสงคราม หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลงและญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้) โดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่เคยมีการแก้ไขใดๆเลยตั้งแต่มีผลบังคับใช้มากว่า 70 ปีแล้ว
ในการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์หลังการเลือกตั้ง นายกรัฐมนตรีอาเบะกล่าวว่า รัฐบาลผสมของเขาจะไม่เรียกร้องให้มีการลงประชามติเพื่อปรับแก้รัฐธรรมนูญเพียงฝ่ายเดียว แต่จะขอความร่วมมือจากพรรคอื่นๆ ด้วย
“ สมาชิกของพรรคจะคงไว้ซึ่งแนวคิดในแง่บวกและในเชิงสร้างสรรรค์เมื่อถึงเวลาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผมต้องการที่จะพูดคุยกับพรรคอื่นๆ ด้วย ” อาเบะกล่าวที่สำนักงานใหญ่ของพรรค LDP ในกรุงโตเกียว
เป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมสำหรับอาเบะ ที่สามารถกระชับอำนาจทางการเมืองได้อีกครั้ง หลังจากคะแนนนิยมในตัวเขาลดลงในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากพรรค LPD ของเขาแพ้การเลือกตั้งชิงตำแหน่งผู้ว่าการกรุงโตเกียวให้กับยูริโกะ โคอิเกะ โดยความนิยมในคณะรัฐบาลของเขาตกต่ำลงที่สุดในช่วงที่เขากลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 2 ในปี 2555
“ นี่เป็นผลการเลือกตั้งที่รุนแรงกระทบใจ ” โคอิเกะกล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงปารีส ที่ซึ่งเธอได้เข้าร่วมในการประชุมสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง โดยเธอกล่าวว่า คำพูดและการกระทำของเธอในช่วงก่อนและหลังการเลือกตั้งอาจทำให้ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งรู้สึกไม่สบายใจ
ฝ่ายค้านตำหนิการตัดสินใจยุบสภาของอาเบะในเดือนก.ย.ว่าเป็นการชิงความได้เปรียบทางการเมืองและกลบข่าวฉาวของเขในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม นายกฯ อาเบะกล่าวว่า การกระทำของเขามีเจตนาที่จะขออำนาจจากประชาชนในกรณีของเกาหลีเหนือและการปรับขึ้นภาษีโภคภัณฑ์ในปี 2562 เพื่อสนับสนุนการศึกษาและความมั่นคงทางสังคม
“ ใช้ความได้เปรียบจาการทูตที่แข็งแกร่งของเรา เราต้องทำให้แน่ใจว่าเกาหลีเหนือไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการเปลี่ยนแนวนโยบายและกลับสู่โต๊ะเจรจา ” อาเบะกล่าวกับผู้สนับสนุนที่โบกธงต้อนรับเขาที่สถานีอากิอาบาระเมื่อวันที่ 21 ต.ค. โดยเขาเสริมว่า เขาจะทำงานร่วมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ เพื่อกดดันเกาหลีเหนืออย่างต่อเนื่อง.