แคว้นคาตาลุนญ่าอยากแยกตัวจากสเปน
สเปนกำลังประสบกับวิกฤตการเมืองในรอบหลายทศวรรษหลังจากแคว้นคาตาลุนญ่าผ่านกฎหมายที่จะให้มีการลงประชามติในวันที่ 1 ต.ค.นี้ เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจว่าอยากจะให้แคว้นนี้แยกตัวออกจากสเปนหรือไม่
วิกฤตการเมืองนี้เกิดขึ้นในช่วง 3 สัปดาห์หลังจากเกิดเหตุก่อการร้ายของกลุ่มก่อการร้ายอิสลามในเมืองบาร์เซโลนา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นคาตาลุนญ่า และย่านรีสอร์ทชายทะเล ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 16 รายและได้รับบาดเจ็บมากกว่า 120 ราย
โดยส.ส.ลงมติผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ ถึงแม้ในเดือนก.พ.จะมีคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญออกมาว่า เป็นเรื่องที่ผิดรัฐธรรมนูญของสเปนที่ว่า พื้นที่ของประเทศสเปนจะมีการขอแบ่งแยกดินแดนเป็นเอกราชไม่ได้
โดยหลังจากผ่านร่างกฏหมายไม่นาน Carles Puigdemont ประธานาธิบดีของแคว้นและคณะรัฐมนตรีก็ลงนามให้มีการลงประชามติ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกภาพของแคว้นที่กำลังเป็นภัยคุกคามสั่นคลอนความมั่นคงของสเปน
แคว้นคาตาลุนญ่า ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีประชากร 7.5 ล้านคน และมีภาษาและวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง มีขนาดเศรษฐกิจคิดเป็น 1 ใน 5 ของสเปน และทรงอิทธิพลในหลายประเด็นสำคัญ ทั้งการศึกษาและสาธารณสุข
ประเด็นสำคัญที่ก่อให้เกิดแนวคิดแบ่งแยกคือ ประชาชนในแคว้นมองว่า พวกเขาเสียภาษีมากกว่า แต่ได้รับสวัสดิการตอบแทนจากรัฐบาลสเปนน้อยกว่าประชาชนในพื้นที่อื่น
โดยส.ส.ที่สนับสนุนการแยกตัวเป็นอิสระชนะได้รับเสียงข้างมากในสภาท้องถิ่น 135 ที่นั่งเป็นครั้งแรกในการเลือกตั้งในเดือนก.ย. ปี 2558
อ้างอิงจากโพลล์สำรวจความคิดเห็นชี้ว่า คนในแคว้นคาตาลุนญ่ายังมีความคิดแบ่งแยกเรื่องการแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปน โดยมากกว่า 70% ต้องการให้มีการลงประชามติเพื่อหาข้อยุติในเรื่องนี้
นายกรัฐมนตรีมาเรียโน ราจอยแห่งสเปนจากพรรค Popular Party และศาลรัฐธรรมนูญโต้แย้งว่า รัฐธรรมนูญของสเปนระบุว่า ไม่ยินยอมให้แคว้นใดแยกตัวจากสเปนได้
ในปี 2557 รัฐบาลของแคว้นคาตาลุนญ่าเคยทำประชามติเชิงสัญลักษณ์ และได้ผลลัพธ์ว่ามากกว่า 80% ของผู้ลงประชามติอยากแยกตัวออกจากสเปน ถึงแม้จะมีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงเพียง 2.3 ล้านคนจากผู้มีสิทธิทั้งหมด 5.4 ล้านคนก็ตาม.