โมเดอร์นาชี้วัคซีนมีประสิทธิภาพ 100% กับเด็กวัยรุ่น
เมื่อวันที่ 25 พ.ค. บริษัทโมเดอร์นาระบุว่าวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทมีประสิทธิภาพ 100% กับการทดสอบกับกลุ่มเด็กวัยรุ่นอายุ 12 – 17 ปี ทำให้เป็นวัคซีนยี่ห้อที่ 2 ตามหลังวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ที่มีผลทดสอบประสิทธิภาพสูงเหมือนกัน
บริษัทระบุว่า มีแผนจะขอให้ FDA ขยายการอนุมัติรับรองวัคซีนเพื่อใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินสำหรับวัยรุ่นในเดือนหน้า หากได้รับการอนุมัติรับรอง มีแนวโน้มว่าจะขยายการฉีดวัคซีนครอบคลุมไปถึงโรงเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายได้ก่อนปีการศึกษาหน้า โดยชัดเจนแล้วว่าบริษัทไฟเซอร์ – ไบโอเอนเทคได้มีการใช้วัคซีนของบริษัทกับเด็กวัย 12 – 15 ปีไปแล้วเมื่อช่วงต้นเดือนนี้
“ เทคโนโลยี mRNA – 1273 มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ในกลุ่มวัยรุ่น” สเตฟาน บันเซล ซีอีโอของโมเดอร์นาระบุในการให้สัมภาษณ์ “เรายังคงรับปากจะทำหน้าที่ในส่วนของเราเพื่อช่วยยุติการแพร่ระบาดของโควิด-19”
โดยมีการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 2 เข็ม ห่างกัน 4 สัปดาห์ให้กับประชากรผู้ใหญ่แล้ว
บริษัททำการศึกษาในระยะ 2/3 กับวัยรุ่นกว่า 3,700 คน จากข้อมูลของบริษัท ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 เลยสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว ขณะที่มีรายงานผู้ติดเชื้อ 4 รายในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนหลอก จากข้อมุลของบริษัท
ไม่พบความกังวลด้านความปลอดภัย โดยก่อนหน้านี้ มีผลข้างเคียงบ้างสำหรับประชากรผู้ใหญ่ในการทดสอบวัคซีน โดยโมเดอร์นาระบุว่า ผลข้างเคียงส่วนใหญ่หลังได้รับวัคซีนโดสที่ 2 คืออาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อและหนาวสั่น
มีข้อมูลใหม่ไม่ถึง 3 สัปดาห์หลังจากบริษัทเปิดเผยในรายงานว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพต้านไวรัสโควิด-19 ถึง 96% สำหรับเด็กอายุ 12 – 17 ปี โดยข้อมูลอ้างอิงจากผู้ที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส
เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ประสิทธิภาพของวัคซีนในการทดลองอยู่ที่ 93% หลังได้รับวัคซีนโดสแรก เพราะเด็กๆมีแนวโน้มจะไม่ป่วยรุนแรงจากโควิด-19 โมเดอร์นาใช้คำจำกัดความโควิด-19 ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเพื่อคำนวณตัวเลข โดยเกณฑ์ที่ใช้คือหนึ่งอาการของโรคและผลตรวจหาเชื้อเป็นบวก
คาดการณ์ว่าหน่วยงานที่กำกับดูแลของสหรัฐฯ คือ FDA จะอนุมัติรับรองวัคซีนตามคำขอเพื่อใช้กับวัยรุ่นของโมเดอร์นา โดยกระบวนการอนุมัติอาจใช้เวลาประมาณ 1 เดือน เพื่อให้ทันกับกิจกรรมในฤดูร้อนและการเปิดเทอมฤดูใบไม้ร่วงหากโมเดอร์นายื่นเอกสารช่วงต้นเดือนมิ.ย.นี้ ตัวอย่างเช่น บริษัทไฟเซอร์ – ไบโอเอนเทคได้ยื่นขอให้มีการอนุมัติวัคซีนสำหรับวัยรุ่นตั้งแต่ 9 เม.ย.และผ่านการอนุมัติจาก FDA เมื่อวันที่ 10 พ.ค.
หน่วยงานสาธารณสุขและผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การฉีดวัคซีนให้เด็กๆเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยในการยุติการระบาด ประเทศอาจไม่มีแนวโน้มจะสร้างภูมิคุ้มกันได้ หากประชากรเด็กไม่ได้ฉีดวัคซีน
มีเด็กๆประมาณ 20% ของประชากรทั้งหมดในสหรัฐฯ จากข้อมูลของรัฐบาล เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศ ประชากรประมาณ 70% – 85% ของสหรัฐฯต้องได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากขึ้นที่ให้ความเห็นว่า ภูมิคุ้มกันหมู่อาจเกิดได้ยากขึ้นเนื่องจากไวรัสกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่มากขึ้น