นิวซีแลนด์ระงับ Travel Bubble กับออสเตรเลียชั่วคราว

เมื่อวันที่ 23 เม.ย. รัฐบาลนิวซีแลนด์ระบุว่า ขอยุติโครงการ Travel Bubble ที่ทำกับออสเตรเลียชั่วคราว หลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกในออสเตรเลีย
โดยแถลงการณ์บนเว็บไซต์ของรัฐบาลนิวซีแลนด์ระบุว่า “จากข้อตกลง Trans -Tasman bubble ของเรา การเดินทางระหว่างนิวซีแลนด์และรัฐเวสต์เทิร์นออสเตรเลียได้ยุติลงชั่วคราว จนกว่าจะมีคำแนะนำมากกว่านี้จากรัฐบาลท้องถิ่นของรัฐ”
การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นหลังจากรัฐเวสต์เทิร์นออสเตรเลียประกาศว่า พื้นที่เมืองเพิร์ธและเมืองพีลถูกล็อกดาวน์นาน 3 วันเริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 23 เม.ย. เนื่องจากตรวจพบว่านักเดินทางรายหนึ่งติดเชื้อโควิด-19
มาตรการล็อกดาวน์มีขึ้นหลังจาก “มีเคสผู้ติดเชื้อรายหนึ่งจากโรงแรมที่กักตัว” แถลงการณ์บนเว็บไซต์ของรัฐบาลรัฐเวสต์ออสเตรเลียระบุ
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ชายคนหนึ่งในวัย 50 ปีกว่าเดินทางจากเพิร์ธไปเมลเบิร์นเมื่อวันที่ 21 เม.ย.และตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ก่อนวันที่ 23 เม.ย.
“เขาใช้เวลา 5 วันในเพิร์ธ และเราจำเป็นต้องรู้ไทม์ไลน์ทั้งหมดของเขาจนติดเชื้อ” มาร์ค แมคโกแวน มุขมนตรีรัฐเวสต์เทิร์นออสเตรเลียกล่าวในการแถลงข่าว
นิวซีแลนด์และออสเตรเลียเริ่มโครงการ Travel Bubble โดยไม่ต้องกักตัวในวันที่ 18 เม.ย. หลังจากปิดพรมแดนระหว่างสองประเทศเพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไปนานกว่า 400 วัน
โดยโครงการนี้ทำให้นักเดินทางจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์สามารถเดินทางข้ามทะเล Tasman โดยไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางมาถึง
หลังมีการประกาศ Travel Bubble โฆษกสายdารบินแควนตัสของออสเตรเลียระบุว่า ตั๋วเครื่องบินไปนิวซีแลนด์ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า โดยส่วนใหญ่ไปเมืองควีนส์ทาวน์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น ‘เมืองหลวงของการผจญภัย’ ของนิวซีแลนด์
เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ทางการนิวซีแลนด์เผยว่า พนักงานสนามบินโอ๊กแลนด์ตรวจพบว่าติดเชื้อ แต่นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์นระบุในเวลานั้นว่า จะไม่กระทบกับโครงการ ซึ่งเพิ่งดำเนินการได้เพียง 24 ชม.
โดยนายกฯอาร์เดิร์นระบุว่า พนักงานทำความสะอาดบนเครื่องบินเดินทางมาจาก “พื้นที่สีแดง” ที่มีความเสี่ยงสูง ไม่ใช่ออสเตรเลีย
เธอระบุว่า ทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์คาดการณ์ว่าจะรับมือกับผู้ติดเชื้อข้ามพรมแดน โดยมีระบบที่จะรับมือโดยไม่ต้องปิดโครงการ Travel Bubble ที่รอมานาน