จีนเตือนทรัมป์อย่าทำให้สถานการณ์แย่ลง
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนกระตุ้นเตือนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และเกาหลีเหนือให้หลีกเลี่ยงคำพูดและการกระทำที่ทำให้สถานการณ์ความตึงเครียดเลวร้ายไปกว่านี้ อ้างอิงจากสื่อของรัฐ
ประธานาธิบดีทรัมป์และเกาหลีเหนือต่างใช้วาทกรรมที่เป็นศัตรูโต้ตอบกันไปมา โดยผู้นำสหรัฐฯเคยพูดขู่เกาหลีเหนือว่าสหรัฐฯจะโต้ตอบด้วยไฟและความโกรธเกรี้ยว
แต่จีน ซึ่งเป็นพันธมิตรเพียงหนึ่งเดียวของเกาหลีเหนือได้เตือนให้สหรัฐฯ มีความยับยั้งชั่งใจ
ขณะที่ทำเนียบขาวแถลงว่า สหรัฐฯและจีนเห็นพ้องกันว่า เกาหลีเหนือต้องหยุดการกระทำที่ยั่วยุและไม่ยกระดับให้สถานการณ์ร้ายแรงยิ่งขึ้น
สำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือรายงานเมื่อวันที่ 12 ส.ค.ว่า การบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ควรมีการพูดคุยและการกระทำที่เหมาะสมยิ่งขึ้น หากไม่ต้องการให้อาณาจักรของสหรัฐฯต้องพบกับหายนะแห่งโศกนาฏกรรม
อ้างอิงจากรายงานของสื่อจีน ประธานาธิบดีสีพูดโทรศัพท์กับประธานาธิบดีทรัมป์ว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรหยุดคำพูดและการกระทำที่ส่งผลกระทบให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น โดยผู้นำจีนยังย้ำว่า จีนและสหรัฐฯ แบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันในการถอนอาวุธนิวเคลียร์และคงสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลี
แต่จากแถลงการณ์ทำเนียบขาวเกี่ยวกับการพูดคุยทางโทรศัพท์ของสองผู้นำไม่ได้เอ่ยถึง คำขอร้องจากจีนที่มีต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพียงแต่เน้นว่า ทั้งสองคนต่างพอใจกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ซึ่งหวังว่าจะนำไปสู่ทางออกที่เปี่ยมด้วยความสงบสุขจากปัญหาเกาหลีเหนือ
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์เคยโวยจีนว่าไม่ได้ช่วยทำอะไรในปัญหาเกาหลีเหนือ โดยกล่าวว่าจีนควรลงมือทำมากกว่านี้
เกาหลีเหนือประกาศแผนที่จะยิงจรวดขีปนาวุธถล่มฐานทัพสหรัฐฯบนเกาะกวมซึ่งเป็นอาณาเขตของสหรัฐฯ ในมหาสมุทรแปซิฟิก แต่ยังไม่มีสัญญาณว่าการโจมตีจะใกล้เข้ามา ทำให้เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ผู้นำสหรัฐฯ ได้พูดข่มขู่ครั้งใหม่ต่อเกาหลีเหนือโดยกล่าวว่า จะเป็นปัญหาใหญ่ ใหญ่มากๆ ถ้าเกิดอะไรขึ้นที่กวม แต่เขาเสริมว่า “หวังอย่างยิ่งว่า ทุกอย่างจะเรียบร้อย ไม่มีใครรักหนทางแก้ปัญหาอย่างสันติไปมากกว่าประธานาธิบดีทรัมป์ ผมบอกเลย”
เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้โทรศัพท์ไปหาผู้ว่าการเกาะกวมเพื่อให้ความมั่นใจกับเขาว่า เกาะกวมมีความปลอดภัย
“เราอยู่เคียงข้างคุณ 1,000%” ผู้นำสหรัฐฯกล่าวในโทรศัพท์ ที่ได้รับการบันทึกและโพสต์ลงบนยูทูบโดยผู้ว่าการเอ็ดดี คัลโว
ทางเกาหลีเหนือกล่าวหาว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ว่าเป็นคนผลักดันให้คาบสมุทรเกาหลีมีความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์
ทั้งนี้ รัสเซียแถลงว่า การข่มขู่กันไปมาระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือสร้างความกังวลให้กะับรัสเซียอย่างมาก โดยเยอรมนีเองก็แสดงท่าทีเฝ้าระวังสถานการณ์นี้ด้วยเช่นกัน.