เรโนลต์-นิสสันขายดีสุดในครึ่งปีแรก
นับเป็นครั้งแรกที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่เรโนลต์-นิสสัน รวมทั้งสมาชิกใหม่ในเครือคือแบรนด์มิตซูบิชิ ก้าวขึ้นเป็นบริษัทที่มียอดขายรถยนต์สูงที่สุดในโลก
โดยเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ค่ายผู้ผลิตรถยนต์พันธมิตรจากฝรั่งเศส-ญี่ปุ่นประกาศยอดขายรถยนต์โดยรวมที่สูงถึง 5,268, 079 คัน ในช่วงครึ่งปีแรกนี้
ซึ่งยอดขายนี้สามารถเอาชนะยอดขายรถยนต์ 5,155,591 คันในช่วงเวลาเดียวกันจากค่ายโฟล์กสวาเกน
ของเยอรมนี และยอดขาย 5,129,000 คันจากค่ายยักษ์ใหญ่โตโยต้าของญี่ปุ่นลงได้
ทั้งนี้ ค่ายเรโนลต์-นิสสันได้แรงหนุนสำคัญจากยอดขายของมิตซูบิชิ ซึ่งถูกนิสสันเทคโอเวอร์และกลายเป็นพันธมิตรในเครือเมื่อเดือนต.ค.ปี 2559 โดยมิตซูบิชิซึ่งขายดีที่สุดในตลาดสหรัฐฯและจีน มียอดขายเกือบ 500,000 คันที่ช่วยผลักดันยอดขายโดยรวมของค่าย
ขณะที่โฟล์กสวาเกนซึ่งเสียแชมป์ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ยังคงพยายามเดินหน้าเพื่อกอบกู้และคืนสู่บัลลังก์แชมป์ยอดขายประจำปีเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันให้ได้
โฟล์กสวาเกนสามารถแย่งแชมป์ยอดขายสูงสุดมาจากโตโยต้าในปี 2559 หลังจากโตโยต้าเคยยึดครองบัลลังก์ยอดขายรถยนต์สูงสุดในโลกมานานถึง 4 ปีติดต่อกัน ในขณะที่เจเนรัล มอเตอร์ (GM) เคยได้ตำแหน่งแชมป์ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2554
โดยมีการประกาศยอดขายครั้งนี้หลังจากโฟล์กสวาเกน ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์รถยนต์หรูออดี้และปอร์เช่ กำลังประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจ
บริษัทตกลงที่จะจ่ายค่าปรับจำนวนนับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ หลังพบว่าบริษัทกระทำความผิดจริงจากข่าวฉาวที่บริษัทโกงค่าปล่อยมลพิษจากเครื่องยนต์ดีเซล
แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ออดี้แถลงว่าจะปรับปรุงแก้ไขรถยนต์เครื่องดีเซล 850,000 คันเพื่อให้การปล่อยค่ามลพิษอยู่ในสภาพการขับขี่ที่แท้จริง
เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา บริษัทต้องเรียกคืนรถเอสยูวีแบรนด์ปอร์เช่นับหมื่นคันหลังจากมีการพบว่า รถถูกติตดั้งอุปกรณ์ที่ไม่ได้รับอนุญาตที่ใช้ในการโกงค่าทดสอบการปล่อยมลพิษ
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาอื่นๆให้บริษัทต้องแก้ไขอีก โดยเมื่อวันที่ 28 ก.ค. นิตยสารข่าว Der Spiegel ได้ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ด้วยการรายงานข่าวที่อ้างถึงจดหมายที่ว่า ทางโฟล์กสวาเกนได้มีเอกสารไปถึงเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันการผูกขาดของเยอรมนีเมื่อช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว โดยยอมรับว่า บริษัทมีพฤติกรรมที่กีดกันการแข่งขัน
ทั้งนี้ ทางโฟล์กสวาเกนปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวนี้.