ทรัมป์ผิดหวังจีนหลังเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังจีนที่ดำเนินการช่วยเหลือไม่เพียงพอที่จะหยุดโครงการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
โดยประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทวีตข้อความบนทวิตเตอร์กล่าวว่า จะไม่ยอมให้จีนไม่ทำอะไรเลยในประเด็นของเกาหลีเหนือ
เขาแสดงความเห็นในวันต่อมาหลังจากเกาหลีเหนือทำการทดสอบจรวดขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) เป็นครั้งที่ 2 ในเดือนนี้
เมื่อวันที่ 29 ก.ค. เครื่องบินทิ้งระเบิด B-1 ของสหรัฐฯ 2 ลำบินอยู่เหนือคาบสมุทรเกาหลีพร้อมเครื่องบินของเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการตอบโต้โดยตรงต่อการยิงทดสอบ ICBM ของเกาหลีเหนือ และเป็นส่วนหนึ่งของการสาธิตให้เห็นถึงการยึดมั่นอย่างแข็งแกร่งต่อพันธมิตรของเรา อ้างอิงจากแถลงการณ์ของผู้บัญชาการภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐฯ
“ เกาหลีเหนือยังคงเป็นภัยคุกคามฉุกเฉินต่อเสถียรภาพในภูมิภาค ” นายพล Terrence J O’Shaughnessy ผู้บัญชาการกองทัพอากาศภาคพื้นแปซิฟิกกล่าวในเอกสารแถลงการณ์
เมื่อวันที่ 29 ก.ค.จีนได้ออกโรงประณามการยิงทดสอบอาวุธของเกาหลีเหนือและเรียกร้องให้มีการควบคุมอารมณ์กันทุกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงความเห็นด้วยความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อท่าทีของทางการจีน โดยกล่าวเชื่อมโยงไปถึงการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯที่มีต่อจีน และนโยบายที่มีต่อเกาหลีเหนือ
“ ผมรู้สึกผิดหวังมากกับจีน ผู้นำที่ไร้สติของเราในช่วงเวลาที่ผ่านมายอมให้จีนได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากเป็นแสนล้านดอลลาร์ต่อปี และจีนไม่ยอมทำอะไรให้เราเลยเรื่องเกาหลีเหนือ ทำแค่พูดคุยกันเท่านั้น ” เขาทวีตในทวิตเตอร์ต่อเนื่องกัน 2 ครั้ง
“ เราจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปอีกแล้ว จีนสามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้ง่ายๆ ”
ทั้งนี้ จีนซึ่งมีพรมแดนติดกับเกาหลีเหนือ เป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจและประเทศคู่ค้าที่ใกล้ชิดที่สุดของเกาหลีเหนือ
โดยผู้นำสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนมีการพูดคุยกันเรื่องเกาหลีเหนือในระหว่างการพบปะกันในปีนี้ หลังจากนั้น ทางการสหรัฐฯ รายงานว่า ทั้งสองประเทศกำลังร่วมมือกันทำงานในขอบเขตของทางเลือกต่างๆ ในประเด็นเกาหลีเหนือ
แต่หลังจากการประชุมของทั้งสองประเทศครั้งนั้นจนถึงตอนนี้ เกาหลีเหนือได้ยิงทดสอบขีปนาวุธ ICBM ไป ถึง 2 ครั้งแล้ว
หลังจากการยิงทดสอบขีปนาวุธเมื่อวันที่ 29 ก.ค. เกาหลีใต้แถลงว่า ควรมีการประณามเกาหลีเหนือในเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีอาวุธที่ล้ำหน้า ขณะที่ผู้นำญี่ปุ่นกล่าวว่า นี่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศ.