อเมซอนกำไรร่วงเพราะลงทุนต่อเนื่อง
ยอดขายอเมซอนเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2 แต่ผลกำไรดิ่งร่วง เนื่องจากยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซลงทุนอย่างหนักเพื่อเปิดร้านให้ลูกค้าทั่วโลกได้เลือกซื้อสินค้าหลากหลายตั้งแต่อาหารไปจนถึงโทรทัศน์
บริษัทอเมซอนที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองซีแอทเทิลมีผลกำไรเพียง 197 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาสที่สิ้นสุดเดือนมิ.ย. ลดดิ่งลงถึง 77%
โดยผลกำไรที่ลดลงเนื่องจากบริษัทมีแนวนโยบายที่จะขยายธุรกิจไปต่างประเทศและลงทุนในสินค้าและบริการใหม่ รวมทั้งวีดีโอ
ตัวเลขการใช้จ่ายของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 37,300 ล้า่นดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 28% เมือเทียบกับปีก่อน
ที่ผ่านมา เป็นที่รู้กันว่าอเมซอนไม่ค่อยสนใจในผลกำไร และเลือกที่จะใช้เงินลงทุนในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงไม่กี่เดือนนี้ บริษัทได้ประกาศแผนในการจ้างงานเพิ่มอีกนับพันตำแหน่ง ทั้งวิศวกร ทีมพนักงานขายและแรงงาน ขณะที่มีการเปิดโกดังใหม่หลายแห่ง รวมทั้งศูนย์ข้อมูล และร้านขายหนังสือ
ทั้งนี้ อเมซอนกำลังรุกเข้าตลาดใหม่ๆ เช่น อินเดีย โดยบริษัทได้เผยโฉมแท็บเบล็ตเวอร์ชั่นใหม่ หุ่นยนต์ในบ้าน และประกาศเกี่ยวกับภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์
เมื่อเดือนมิ.ย.บริษัทประกาศว่าจะเข้าซื้อเชนซูเปอร์มาร์เก็ต Whole Foods ด้วยมูลค่าสูงถึง 13,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ยอดการใช้จ่ายที่สูงขึ้น ซึ่งไม่ใช่ปัจจัยในระหว่างดำเนินการซื้อกิจการ Whole Foods ยังคงทำให้นักลงทุนประหลาดใจ ราคาหุ้นของบริษัทลดลงมากกว่า 3% ในไม่กี่ชั่วโมงหลังการซื้อขาย
อเมซอนกล่าวว่าธุรกิจของบริษัทยังคงอยู่ในสถานะที่ดี โดยยอดขายปลีกในไตรมาสสิ้นสุดเดือนมิ.ย. สูงถึง 33,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 17% ในตลาดต่างประเทศและ 27% ในอเมริกาเหนือ ซึ่งยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท
รายได้จากบริการเว็บ ซึ่งขายบริการคอมพิวเตอร์คลาวด์ เช่น การเก็บข้อมูล พุ่งขึ้นถึง 42% เป็น 4,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ในขณะที่ยอดขายของบริการสมาชิกคือสมาชิก Prime ที่บริษัทต้องการให้เป็นที่แพร่หลาย เติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 50%
เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ซีอีโอเจฟฟ์ บีซอสของอเมซอนกลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกแซงหน้ามหาเศรษฐีบิล เกตส์เนื่องจากมูลค่าหุ้นของอเมซอนที่พุ่งทะยานขึ้น แต่เขาก็ต้องร่วงลงจากตำแหน่งอย่างรวดเร็วหลังจากหุ้นของบริษัทลดฮวบลงภายในวันนั้น.