ประท้วงห้ามจุดธูปและประทัดที่ไต้หวัน
ชาวไต้หวันจำนวนมากกว่า 10,000 คนรวมตัวกันมาเดินขบวนที่กรุงไทเป เมืองหลวงของไต้หวัน เพื่อประท้วงรัฐบาลที่พยายามจะจำกัดการจุดธูปเทียน และเผากระดาษเงินกระดาษทองในระหว่างการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
โดยที่ผ่านมา รัฐบาลไต้หวันพยายามผลักดันให้ประชาชนยุติการกระทำดังกล่าว รวมถึงการจุดพลุและประทัดด้วย เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สารระเหยจากพิธีกรรมเหล่านี้ ทั้งสารเบนซิน และเมทิลเบนซินเป็นสารพิษและเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ระดับมลพิษในอากาศสูงเกินมาตรฐาน PM 2.5
ทั้งนี้ กลุ่มผู้มาเดินขบวนประท้วงเป็นผู้นับถือและศรัทธาในลัทธิเต๋า พวกเขากล่าวว่า พิธีกรรมเหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญของจิตวิญญาณทางศาสนา
เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ในกรุงไทเป เมืองหลวงของไต้หวันเต็มไปด้วยเสียงตีฉาบดังอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากผู้คนจากวัดประมาณ 100 วัดเข้าร่วมในการเดินขบวนด้วย จึงก่อให้เกิดเสียงดังอึกทึกครึกโครมไปตลอดทางที่ขบวนผ่าน
ชายวัย 59 ปีคนหนึ่ง ซึ่งเดินทางมาจากทางตอนใต้ของประเทศ และบอกกับผู้สื่อข่าวแต่เพียงว่า เขาแซ่เฉิง ได้ให้ความเห็นในประเด็นนี้ว่า “ นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก ศาสนาของเราต้องจุดธูปทุกครั้งที่ไหว้เทพเจ้า ”
จอยซ์ วู วัย 34 ปีกล่าวว่า “เทพเจ้าท่านจะรับรู้ถึงความเคารพบูชาท่านได้ก็ต่อเมื่อเราจุดธูป ดิฉันเติบโตในหมู่บ้านในชนบท ดิฉันถึงสุขภาพดีและไม่ป่วย ควันพิษจากรถยนต์และโรงงานต่างๆ สร้างปัญหามลภาวะมากกว่าการจุดธูปเทียนของเราเสียอีก”
ในปีที่แล้ว ในระหว่างพิธีกรรมการแสวงบุญครั้งใหญ่ของกลุุ่มลัทธิเต๋า รัฐบาลได้เฝ้าระวังจับตาดู และตรวจวัดได้ถึงค่ามลพิษที่สูงจนน่าตกใจ คือพุ่งขึ้นไปแตะระดับอันตราย สูงเกินกว่าค่า PM 2.5 ขององค์การอนามัยโลกถึง 60 เท่า
ทางรัฐบาลไต้หวันได้ออกคำแถลงการณ์ว่า รัฐบาลไม่มีเจตนาที่จะสั่งห้ามพิธีกรรมเหล่านี้ แต่อยากขอความร่วมมือจากกลุ่มศาสนาให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อช่วยลดปัญหามลพิษของประเทศ
ทั้งนี้ วัดแห่งหนึ่งได้นำร่องด้วยการประกาศห้ามจุดธูปเทียนในวัด ขณะที่วัดอีกแห่งหนึ่งเริ่มมีการเปิดเสียงประทัดแทนการจุดประทัดจริง ๆ เพื่อช่วยแก้ปัญหาทั้งมลพิษทางเสียง และควันพิษ.