ผลผลิตองุ่นในฝรั่งเศสน้อยสุดเป็นประวัติการณ์
กระทรวงเกษตรระบุว่า ลมหนาวจากฤดูใบไม้ผลิทำให้การผลิตไวน์ในฝรั่งเศส ที่เมืองบอร์โด และที่แคว้นอาลซัส ทรุดต่ำรุนแรงที่สุดในปีนี้ และอาจ “ต่ำสุดในประวัติศาสตร์” ก็เป็นได้
Agreste สำนักสถิติของกระทรวงเกษตรระบุเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ว่า “ ปริมาณองุ่นที่เก็บเกี่ยวได้ในปี 2560 มีราว 993.3 ล้านแกลลอน ซึ่งต่ำกว่าปีก่อน 17% และต่ำกว่าปริมาณเฉลี่ย 5 ปี ถึง 16% ”
ดังนั้น การเก็บเกี่ยวองุ่นตามธรรมเนียมในเดือน ส.ค.-ต.ค. ในฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตไวน์มากที่สุดเป็นอันดับ 2 อาจ “ ได้ผลผลิตต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์และย่ำแย่ยิ่งกว่าเมื่อปี 2534 ซึ่งถูกโจมตีโดยลมหนาวเช่นกัน ”
ลมหนาวสร้างความเสียหายรุนแรงให้กับพื้นที่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส โดยเมืองบอร์โด จังหวัดชาร็องต์ แคว้นอาลซัส และแคว้นฌูรา ก็ตกอยู่ในสภาวะเดียวกัน ส่วนบางพื้นที่ก็ได้รับผลกระทบบ้างเล็กน้อย เช่น แคว้นเบอร์กันดี ล็องก์ด็อก-รูซียง และพื้นที่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
ภูมิภาคในเมดิเตอร์เรเนียนประสบปัญหาด้านความหลากหลายของสภาพอากาศ ทั้งลมและฝน จนเกิดปรากฏการณ์ “coulure” ซึ่งองุ่น grenache ซึ่งมักนำมาทำไวน์แดงในแคว้นโรนาลป์ จะไม่สามารถออกผลได้อย่างเต็มที่เมื่อเถาองุ่นมีดอกไม้บาน
แต่เหล่าผู้เชี่ยวชาญการดื่มไวน์ต่างระบุว่าให้เฝ้ารอการออกผลต่ออีก และพยายามทำลายความเศร้าด้วยสุภาษิตที่ว่า “สิงหาเก็บองุ่น กันยาทำไวน์”
นายฟิลิปป์ โฟร์ บรัค ซึ่งชนะรางวัลผู้เชี่ยวชาญไวน์ระดับโลกในปี 2535 ระบุว่า “ ถือว่ายังเร็วไปที่จะสรุปคุณภาพของไวน์ในปีนี้ ที่ต้องขึ้นอยู่กับสภาพอากาศรวมไปถึงการเก็บเกี่ยวองุ่น และ สภาพขององุ่น ”
เขาระบุว่า “ ในตอนนี้ สภาพอากาศไม่ได้แย่ไปเสียหมด ” แต่ก็ต้องยอมรับว่าจำนวนของไวน์ที่ผลิตได้อาจจะ “น้อยมากแน่นอน”
ไร่องุ่นบางแห่งมีระบบการผลิตสำรอง เช่นการผลิตเหล้าองุ่นขาวและแชมเปญ โดยมีส่วนที่กักเก็บจากการขายทั้งหมดในแต่ละปีเพื่อเป็นประกันเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
นายโฟร์ บรัคระบุว่า “ ยกตัวอย่างในปี 2559 ถือเป็นปีผลิตไวน์ที่ยิ่งใหญ่เลยทีเดียว โดยแคว้นบางแคว้นสามารถจัดการคุณภาพและปริมาณได้ ”
แต่ก็ไม่ใช่ทุกแคว้นที่จะมีระบบเช่นนี้ และมีผู้ผลิตไวน์ชาวฝรั่งเศสเพียง 25% เท่านั้นที่จะมีระบบประกันสำหรับสภาพอากาศเลวร้าย.