‘ไบเดน’ เร่งคุมเข้มอาวุธปืน หลังเหตุกราดยิง
วอชิงตัน – เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเรียกร้องให้มีการแบนอาวุธจู่โจมอันตรายและมีมาตรการคุมเข้มปืนมากขึ้น หลังเกิดเหตุกราดยิงสะเทือนขวัญล่าสุดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 10 รายในรัฐโคโลราโด
“ผมไม่อยากรออีกแม้แต่นาทีเดียว หรืออีกชั่วโมง เพื่อจะออกมาตรการที่จะช่วยชีวิตในอนาคต” ไบเดนกล่าว โดยเสริมว่า “เราสามารถแบนอาวุธสังหารได้”
“นี่ไม่ใช่ หรือไม่ควรจะเป็นประเด็นการเป็นพวกพ้องกัน” ไบเดนระบุที่ทำเนียบขาว “ เป็นประเด็นปัญหาที่จะช่วยชีวิต ชีวิตชาวอเมริกัน เราต้องมีการดำเนินการเคลื่อนไหว”
“เราสามารถแบนอาวุธสังหารร้ายแรงได้ในประเทศนี้ อีกครั้ง”
ไบเดนพูดเรื่องนี้ก่อนที่จะเดินทางออกจากกรุงวอชิงตันไปโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ ซึ่งจะเป็นการเยือนในวาระครบรอบ 11 ปีของการลงนามในกฎหมาย Affordable Care Act หรือที่เรียกกันว่า โอบามาแคร์
เหตุกราดยิงที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในเมืองโบลเดอร์เกิดขึ้นซ้ำรอยเดิม หลังจากมีเหตุรุนแรงที่มือปืนคนหนึ่งกราดยิงสังหาร 8 คนที่สปาในเมืองแอตแลนตาในสัปดาห์ก่อน ทำให้ประเด็นความรุนแรงจากปืนถูกหยิบยกขึ้นมาพูดอีกครั้ง
มีการลดธงลงครึ่งเสาที่ทำเนียบขาวจนถึงช่วงเวลาตะวันตกดินในวันที่ 22 มี.ค.เพื่อไว้อาลัยให้กับเหยื่อในเหตุกราดยิงที่แอตแลนตา ธงสะบัดปลิวได้ไม่กี่ชั่วโมงในช่วงเช้าวันที่ 23 มี.ค ก่อนที่จะถูกลดลงครึ่งเสาอีกครั้งเพื่อไว้อาลัยให้เหยื่อจากเหตุกราดยิงที่ซูเปอร์มาร์เก็ตที่เมืองโบลเดอร์
ไบเดนเอง ซึ่งมีเรื่องเศร้าจากการสูญเสียภริยาคนแรก และบุตรสองคน แสดงความเสียใจกับครอบครัวของเหยื่อ โดยระบุว่า เขาและภริยา จิล ไบเดน ใจสลายกับการเสียชีวิตในครั้งนี้
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้ ไบเดนส่งเสริมกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาวิกฤตโควิด-19 ขณะที่ต้องรับมือกับแรงงานอพยพที่เพิ่มขึ้นจากพรมแดนางใต้ที่ติดกับเม็กซิโก
รัฐบาลของเขาซึ่งทำงานได้สองเดือนถูกกดดันมากขึ้นให้ทำตามสัญญาเรื่องการควบคุมอาวุธปืน
ความพยายามที่จะเคลื่อนไหวให้สหรัฐฯควบคุมอาวุธปืนกลายเป็นเรื่องยาก ทั้งจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันที่คัดค้านเป็นส่วนใหญ่
ไบเดนจะไปเยือนโรงพยาบาลมะเร็งเจมส์ของมหาวิทยาลัยโอไฮโอ สเตทเพื่อฉลองครบรอบกฎหมายสุขภาพและส่งเสริมงบประมาณสนับสนุน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯโรงพยาบาลได้รับภายใต้กฎหมาย Afforadable Care เพื่อยกระดับฝ่ายรังสีรักษา จากข้อมูลของทำเนียบขาว
กฎหมายฉบับนี้ ซึ่งผ่านความเห็นชอบกลายเป็นกฎหมายในปี 2553 ในสมัยของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ฟื้นกลับมาอีกครั้งหลังถูกสั่นคลอนจากพรรครีพับลิกัน และมีการขยายตัวภายใต้การจับตามองของไบเดน
มีชาวอเมริกันประมาณ 28 ล้านคนที่ไม่มีประกันสุขภาพ ลดลงจากเดิมประมาณ 46.5 ล้านคนในปี 2553 ซึ่งเป็นปีที่ผ่านกฎหมายโอบามาแคร์ จากข้อมูลของรัฐบาลกลาง