เกาหลีใต้ยังไม่ฉีดวัคซีนโควิดให้ผู้สูงวัย
เกาหลีใต้จะไม่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไปในวันเริ่มฉีดวัคซีนรอบแรกวันที่ 26 ก.พ.นี้ เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับวัคซีนของแอสตราเซเนกาว่าจะมีประสิทธิภาพกับผู้สูงวัยหรือไม่
เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคเกาหลี (KCDC) ประกาศการตัดสินใจที่ชี้ว่า ขาดข้อมูลทางคลินิกในด้านประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีต่อผู้สูงวัย และอาจเป็นที่ยอมรับน้อยลง
นี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงจากแผนเดิมที่จะฉีดวัคซีนให้ผู้ป่วยทุกคนและเจ้าหน้าที่ในเนิร์สซิงโฮมและสถานดูแลผู้สูงวัยแห่งอื่นๆ ตอนนี้ จะมีเพียงผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 65 ปีในสถานที่เหล่านี้ ซึ่งมีประมาณ 272,000 รายที่จะได้ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ก่อน
โดยกลุ่มที่สองจะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ในสถานที่ความเสี่ยงสูง เช่น โรงพยาบาล ซึ่งจะเริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. จากนั้นจะเป็นเจ้าหน้าที่ทำงานด่านหน้าประมาณ 78,000 คน ซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายฉุกเฉินและฝ่ายสืบสวนด้านระบาดวิทยา ตั้งแต่ 22 มี.ค.
จองอึนคยอง คณะกรรมการ KCDC ระบุในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 15 ก.พ.ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปมีแนวโน้มจะฉีดวัคซีนในไตรมาส 2 ของปีนี้ เมื่อได้รับวัคซีนล็อตใหม่
เกาหลีใต้ได้สั่งซื้อวัคซีนต้านโควิด-19 ไว้มากกว่าจำนวนประชากรของประเทศ 51.8 ล้านคน คือมีเพียงพอสำหรับ 56 ล้านคน จากโครงการแบ่งปันวัคซีนโคแวกซ์ และยังทำข้อตกลงซื้อแยกกับผู้ผลิตรายอื่นอีกทั้งแอสตราเซเนกา , โมเดอร์นา และไฟเซอร์ – ไบออนเทค
วัคซีนล็อดแรก คือ 1.5 ล้านโดสจากแอสตราเซเนกา ซึ่งเพียงพอสำหรับประชาชน 750,000 คน จะได้รับในวันที่ 24 – 28 ก.พ. โดยวัคซีนผลิตในประเทศร่วมกับบริษัทยาของเกาหลีใต้คือ SK Bioscience
ในยุโรปมีความกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนข้อมูลประสิทธิภาพของวัคซีนแอสตราเซเนกาที่มีกับประชาชนวัย 65 ปีขึ้นไป และผลลัพธ์ที่ไม่ดีนักในการควบคุมไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้
กระทรวงความปลอดภัยอาหารและยาเกาหลีใต้อนุมัติรับรองวัคซีนเพื่อใช้งานกับคนทุกวัย แต่ขอให้แพทย์เอาใจใส่เมื่อมีการใช้ฉีดให้กับผู้สูงอายุวัย 65 ปีขึ้นไป เนื่องจากข้อมูลทางคลินิกมีจำกัด
จนถึง 15 ก.พ. เกาหลีใต้มียอดติดเชื้อสะสมจากโควิด-19 ถึง 83,869 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1,527 ราย
ในช่วงเทศกาลซอลลัล หรือเทศกาลตรุษจีน ทางการได้คลายมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมลงเพื่อให้ธุรกิจขนาดเล็ก เช่น ร้านอาหาร คาเฟ่ และฟิตเนสในพื้นที่กรุงโซลสามารถเปิดบริการได้ถึงเวลา 22.00 น.
โดยไนท์คลับ บาร์คาราโอเกะ และสถานบันเทิงความเสี่ยงสูงอื่นๆ ซึ่งปิดบริการตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้วจากการระบาดระลอก 3 ของโควิด-19 สามารถเปิดบริการได้ถึง 22.00 น.เช่นกัน
เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ควอนด็อกชอล รมว.สาธารณสุขระบุในการประชุมคณะทำงานโควิด-19 ว่า ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสเพราะประชาชนเดินทางในช่วงวันหยุดเทศกาลซอลลัลเมื่อสัปดาห์ก่อน เขายังได้เตือนให้ประชาชนอย่าการ์ดตก
ประธานาธิบดีมุนแจอินระบุว่าจะมีการกำหนดมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมในเดือนหน้าเพื่อให้สอดคล้องกับโครงการฉีดวัคซีน และรัฐบาลจะมีความเข้มงวดกับผู้ที่ละเมิดกฎด้วย
“แม้จะเริ่มฉีดวัคซีนแล้ว แต่สงคราสู้ไวรัสโควิด-19 จะกลายเป็นสงครามระยะยาว” เขาระบุในการประชุมรายสัปดาห์กับผู้ช่วยอาวุโสในวันที่ 15 ก.พ.
“เราจำเป็นต้องหาหนทางในการต่อสู้กับไวรัสที่ยืดหยุ่นเหมาะสมกับการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน”