ข่าวฉาวทำทรัมป์ย่ำแย่
ข่าวฉาวที่มีอย่างต่อเนื่องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อาจทำให้เขาต้องพบจุดจบในตำแหน่งผู้นำประเทศในช่วงเวลาที่คะแนนความนิยมตกต่ำถึงที่สุด นักวิเคราะห์การเมืองกล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีเมื่อวันที่ 17 ก.ค.
โดยนักวิเคราะห์เสริมว่า พาดหัวข่าวหลายข่าวเกี่ยวกับการแทรกแซงของรัสเซียในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว กำลังทำร้ายโมเมนตัมทางการเมืองในการปฏิรูปครั้งสำคัญ ทั้งนโยบายประกันสุขภาพและภาษี
“ ข่าวฉาวเรื่องนี้มีอยู่หลายเดือนแล้ว หากยังเป็นอยู่เป็นปี ก็เท่ากับการจบสิ้นการเป็นประธานาธิบดี มันกัดกร่อนชื่อเสียงเขาให้อ่อนแอลง ควรหาทางจบเรื่องนี้โดยเร็ว ” ไบรอัน คลาสส์ นักวิเคราะห์การเมืองเปรียบเทียบที่ London School of Economics ให้ความเห็น
ความเห็นของเขาอ้างอิงถึงรายงานที่ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายของประธานาธิบดีทรัมป์ได้พบกับทนายความชาวรัสเซียที่มีคอนเนคชั่นกับทางเครมลินในระหว่างการรณรงค์หาเสียง การพบปะของเขาเปลี่ยนจากการแนะนำตัวสั้นๆ เป็นการที่เธอระบุว่ามีข้อมูลที่เชื่อมโยงกับรัสเซียที่จะทำความเสียหายให้กับนางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต โดยทรัมป์ปกป้องลูกชายของเขาและกล่าวว่าคนส่วนใหญ่ก็เข้าประชุมด้วย
นี่ไม่ใช่ข่าวฉาวข่าวแรกที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยกรณีอดีตผอ.เอฟบีไอเจมส์ โคมีย์ ซึ่งถูกทรัมป์ไล่ออกขณะที่เขากำลังสืบสวนกรณีความเชื่อมโยงที่รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้ง ได้เข้าให้การกับวุฒิสภาในเดือนมิ.ย. ในเวลานั้น เอริค โจนส์ ศาสตราจารย์ผู้สอนวิชาเศรษฐกิจการเมืองระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัย จอห์น ฮอปส์กินกล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า ยังเป็นการเร็วเกินไปที่จะมองถึงผลกระทบจากการให้การของโคมีย์ แต่อาจจะส่งผลต่อสายตาชาวอเมริกันจำนวนมากที่มีต่อการทำหน้าที่ในฐานะประธานาธิบดี
แต่เขาเสริมว่ายังไม่มีเหตุผลสนับสนุนทางการเมืองเพียงพอที่จะถอดถอนประธานาธิบดีและปิดฉากการทำหน้าที่ผู้นำประเทศของทรัมป์ “ การถอดถอนเป็นกระบวนการทางการเมือง ไม่ใช่กระบวนการทางกฎหมาย สิ่งที่คุณต้องการคือคลื่นความคิดเห็นของพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรส ซึ่งมีเหตุผลที่จะเคลื่อนไหวต่อต้านประธานาธิบดี แต่จนถึงตอนนี้ เรายังไม่เห็นความคิดที่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ” เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่นั้น การทำหน้าที่ประธานาธิบดีของทรัมป์ชี้ให้เห็นสัญญาณของช่องโหว่ อ้างอิงจากผลสำรวจ โพลล์จากสำนักข่าวเอบีซีเมื่อวันที่ 16 ก.ค.ชี้ว่า ความนิยมในตัวทรัมป์ตกต่ำลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับประธานาธิบดีคนอื่นๆที่เข้ามาทำหน้าที่ได้ 6 เดือนเท่ากัน ย้อนหลังไปถึง 70 ปี
อ้างอิงจากความเห็นของคลาสส์ ทรัมป์เป็นแรงขับทางการเมืองที่เป็นพิษที่ไม่ได้เป็นศูนย์กลางที่รวบรวมเสียงสนับสนุนและไม่สามารถควบคุมข้อความของเขาต่อสาธารณะได้
ถ้าทีมทนายความของเขาเตือนว่า อย่าทวีตเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็จะทวีตเรื่องนี้ใน 2 ชั่วโมงต่อมา ทีมของเขาพูดว่า นี่เป็นสัปดาห์โครงสร้างพื้นฐาน เขากลับทวีตเกี่ยวกับฮิลลารี คลินตัน “ ปัญหาของตำแหน่งประธานาธิบดีตอนนี้คือตัวโดนัลด์ ทรัมป์เอง ตัวตนที่เขาเป็นจริงๆ ”
ทั้งนี้ ผลกระทบจากข่าวฉาวและข้อความมากมายจากทรัมป์ นโยบายหลายอย่างของสหรัฐฯ ดูเหมือนจะไม่ขยับก้าวหน้าขึ้นเลย อ้างอิงจากความเห็นของคลาสส์