ความนิยมในตัวอาเบะลดลงต่ำกว่า 30%
ความนิยมในตัวนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ซึ่งถูกสั่นคลอนจากข่าวฉาวและความรู้สึกว่าถูกใช้เป็นเครื่องมือจากผู้ออกเสียงให้เขา ลดลงเหลือต่ำกว่า 30% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เขาเข้าสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศญี่ปุ่นในปี 2555 อ้างอิงจากผลโพลล์สำรวจล่าสุด
ความกังขาในข่าวอื้อฉาวที่ว่าเขาเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของเพื่อนและความผิดพลาดของคณะรัฐมนตรี
สร้างรอยด่างให้กับนายกฯ อาเบะ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะชนะการเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคที่มีวาระ 3 ปีเป็นครั้งที่ 3 และลงสู้ในศึกเลือกตั้งเมื่อเขาครบวาระในการดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศในเดือนก.ย.ปีหน้า
ทั้งนี้ ตัวเลขความนิยมในตัวเขาลดลง 15.2 จุดจากเมื่อเดือนก่อนลงไปอยู่ที่ 29.9% อ้างอิงจากผลสำรวจในวันที่ 7 – 10 ก.ค. จากสำนักข่าว Jiji โดยเหตุผลสำคัญที่สุดในการไม่สนับสนุนคณะรัฐมนตรีคือขาดความเชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรี
โยชิฮิเดะ ซูกะ หัวหน้าเลขานุการคณะรัฐมนตรีกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลจะน้อมรับฟังเสียงของประชาชนอย่างจริงใจ “เป้าหมายอันดับแรกของเราคือการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เราต้องการขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขปัญหาที่แตกต่างหลากหลายทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่นทีละเรื่องอย่างมีเสถียรภาพ”
โดยผลสำรวจล่าสุดชี้ให้เห็นถึงความนิยมในตัวนายกฯ อาเบะที่ตกต่ำลงถึงที่สุดนับตั้งแต่เขาเข้ามารับตำแหน่งผู้นำญี่ปุ่นและให้สัญญาที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจ และสนับสนุนด้านการป้องกันประเทศ
สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า นายกฯ อาเบะ กำลังพิจารณาที่จะปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ในวันที่ 3 ส.ค.นี้ โดยจะปรับเปลี่ยนมากกว่าครึ่งหนึ่งของ 19 รัฐมนตรีของเขา ขณะที่จะคงคนที่เป็นพันธมิตรสำคัญไว้
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนตัวคณะรัฐมนตรีอาจช่วยได้เพียงแค่การจำกัดผลกระทบต่อความนิยมในตัวเขาเท่านั้น อ้างอิงจากความเห็นของนักการเมืองและนักวิเคราะห์
“ เมื่อเสียงสนับสนุนดิ่งฮวบขนาดนี้ จะส่งผลด้านลบอย่างมาก ทั้งหมดที่นายกฯอาเบะทำได้คือมีจุดยืนที่นอบน้อมถ่อมตนและขอโทษประชาชน มันต้องใช้เวลา” โทโมอากิ อิวาอิ อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์การเมืองประจำมหาวิทยาลัยนิฮงให้ความเห็น
“ ผมคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ช็อกรัฐบาลมาก นี่เป็นความคิดเห็นที่ขึ้นอยู่กับการตอบรับของเขา ผมว่าเรตติ้งในตัวเขาสามารถฟื้นกลับขึ้นมาได้” มิโนรุ โมริตะ นักวิเคราะห์อิสระให้ความเห็น
ทั้งนี้ ความนิยมในพรรค LPD หล่นลงไปเหลือ 21.1% แต่พรรค Democratic ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านยังคงได้รับความนิยมที่ดีอยู่ แต่เสียงของประชาชนที่ไม่สนับสนุนพรรคใดๆเลยกลับเพิ่มจำนวนขึ้น 4.5 จุด อ้างอิงจากโพลล์สำรวจ.