อังกฤษชี้วัคซีน ‘แอสตราเซเนกา’ ใช้ได้กับทุกวัย
ลอนดอน – นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันระบุว่า วัคซีนต้านโควิด-19 ที่พัฒนาโดยบ.แอสตราเซเนกาและม.ออกซ์ฟอร์ดมีประสิทธิภาพกับคนทุกวัย หลังจากเยอรมนีแนะนำว่าควรฉีดให้กับผู้มีอายุต่ำกว่า 65 ปี
คณะกรรมการด้านวัคซีนของเยอรมนีระบุในร่างคำแนะนำว่า ไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีกับผู้สูงวัย และแนะนำให้ใช้กับผู้ที่อยู่ในวัย 18 – 64 ปีเท่านั้น คาดการณ์ว่าหน่วยงานที่กำกับดูแลเรื่องนี้ของยุโรปจะตัดสินใจวันที่ 29 ม.ค.ว่าจะอนุมัติรับรองวัคซีนนี้หรือไม่
ในวันที่ 28 ม.ค. เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการประเมินประสิทธิภาพวัคซีนของเยอรมนี นายกฯจอห์นสันระบุว่า “ ผมไม่เห็นด้วยกับการประเมิน”
“ หน่วยงานของเรามีความชัดเจนว่า วัคซีนของออกซ์ฟอร์ด/แอสตราเซเนกานั้นดีมากและมีประสิทธิภาพ” จอห์นสันระบุในระหว่างการไปเยือนศูนย์ผลิตวัคซีนที่สก็อตแลนด์
“ จากที่เราเห็น จากวัคซีนที่ผลิต ก็คือเราคิดว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพกับคนทุกกลุ่ม และจะสร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนทุกวัย”
ในเดือนธ.ค. สหราชอาณาจักรเป็นประเทศแรกที่ประกาศอนุมัติรับรองวัคซีนของแอสตราเซเนกา
สาธารณสุขอังกฤษระบุว่า วัคซีนสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันในผู้สูงอายุ แม้ข้อมูลประสิทธิภาพที่มีอยู่จะเป็นเพียงข้อมูลคร่าวๆก็ตาม
“ มีอาสาสมัครกลุ่มผู้สูงวัยน้อยเกินไปในการทดสอบวัคซีนของแอสตราเซเนกา จึงไม่สามารถสังเกตระดับการป้องกันได้ในกลุ่มนี้ แต่มั่นใจเรื่องข้อมูลภูมิคุ้มกันมาก” แมรี แรมเซย์ ผอ.ฝ่ายภูมิคุ้มกันของสาธารณสุขระบุในแถลงการณ์
ปัจจุบัน มีผู้ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 โดสแรกของบ.ไฟเซอร์ – ไบโอเอ็นเทคแล้วกว่า 7 ล้านคนแล้วในสหราชอาณาจักร และกำลังเร่งฉีดให้กับกลุ่มเปราะบาง รวมทั้งผู้สูงอายุวัย 70 ปีขึ้นไป ให้ครบภายในกลางเดือนก.พ.
สหราชอาณาจักรออกตัวก่อนชาติอื่นในยุโรปในการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 แม้บรรดานักวิทยาศาสตร์และแพทย์ตั้งคำถามถึงขั้นตอนในการเร่งกระจายวัคซีนโดสแรกให้เร็วขึ้น ด้วยการใช้เวลานานถึง 12 สัปดาห์จึงจะฉีดโดสที่สองให้ประชาชน
“ ความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงของโรคและเสียชีวิตมีมากขึ้นตามวัย สิ่งสำคัญที่สุดคือการให้วัคซีนกับกลุ่มเปราะบางให้มากที่สุด เพื่อปกป้องและช่วยชีวิตประชาชนให้มากขึ้น” แรมเซย์กล่าว