‘ไบเดน’ สาบานตนเป็นผู้นำสหรัฐฯคนที่ 46
วอชิงตัน : เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครตได้เข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 46
ขณะวางมือบนคัมภีร์ไบเบิลหนา 5 นิ้วที่อยู่ในครอบครัวของเขามานานกว่าศตวรรษ ไบเดนกล่าวคำสาบานตนต่อหน้าจอห์น โรเบิร์ตส์ หัวหน้าผู้พิพากษาสหรัฐฯว่าจะเป็นประธานาธิบดีที่ “จะรักษา ปกป้องและพิทักษ์รัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ”
โดยไบเดน ในวัย 78 ปี กลายเป็นประธานาธิบดีที่มีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่เข้าพิธีสาบานตนที่กรุงวอชิงตัน ในช่วงเวลาที่มีความกังวลทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และความมั่นคง หลังเกิดเหตุโจมตีอาคารรัฐสภาสหรัฐฯในวันที่ 6 ม.ค. จากกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ในพิธีสาบานตนครั้งนี้ มีอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯหลายคนมาเข้าร่วมพิธี ทั้งอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ,จอร์จ ดับเบิลยู บุช และบารัค โอบามา ทำให้ทรัมป์เป็นอดีตผู้นำสหรัฐฯคนแรกในรอบ 152 ปีที่ไม่เข้าร่วมในพิธีสาบานตนของผู้นำสหรัฐฯคนใหม่ ขณะที่อดีตรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์เข้าร่วมพิธีด้วย
โดยในถ้อยแถลงอำลาตำแหน่งก่อนหน้านี้ ทรัมป์ไม่เอ่ยชื่อไบเดนเลย ระบุแต่เพียงคณะผู้บริหารประเทศชุดใหม่และเขาสัญญาว่าจะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ เขายังได้ขึ้นเครื่องบินประจำตำแหน่งแอร์ฟอร์ซวันเป็นครั้งสุดท้ายออกจากทำเนียบขาวและมุ่งหน้าไปรีสอร์ตมาร์-อา-ลาโกของเขาในฟลอริดา
คามาลา แฮร์ริส บุตรสาวของผู้อพยพชาวจาไมกาและอินเดีย กลายเป็นสตรีผิวสีเชื้อสายเอเชียคนแรกที่ได้กลายเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังจากเธอกล่าวคำสาบานตนต่อหน้าซอนยา โซโทเมเยอร์ หัวหน้าผู้พิพากษาศาลสูงสหรัฐฯ ที่เป็นสตรีเชื้อสายลาตินคนแรกที่รั้งตำแหน่งนี้
“ เพื่อเอาชนะความท้าทายทั้งหลายในการปกป้องจิตวิญญาณและทำให้อนาคตของอเมริกามั่นคง ต้องการหลายอย่างไม่ใช่แค่คำพูด ต้องการสิ่งที่หาได้ยากในระบอบประชาธิปไตยของเราคือ ความเป็นหนึ่งเดียวกัน” ไบเดนกล่าว “ เราต้องยุติความแตกแยกที่แบ่งเราเป็นสีแดงกับสีน้ำเงิน ชนบทกับในเมือง อนุรักษ์นิยมกับเสรีนิยม เราสามารถทำได้ หากเราเปิดกว้างทางจิตวิญญาณ แทนที่จะทำให้ใจเราแข็งกระด้างยิ่งขึ้น”
พิธีจัดขึ้นในวันที่ 20 ม.ค. หน้าอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ซึ่งม็อบของผู้สนับสนุนทรัมป์บุกเข้าโจมตีเมื่อสองสัปดาห์ก่อน
เพื่อสกัดไม่ให้สภารับรองชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ เหตุจลาจลในวันนั้น ทำให้สภาผู้แทนราษฎรที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากมีมติถอดถอนทรัมป์เป็นครั้งที่ 2 ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้ทรัมป์อาจถูกดำเนินคดีได้หลังออกจากตำแหน่งแล้ว
กองกำลังแนชั่นแนลการ์ดหลายพันนายถูกเรียกเข้าประจำการในเมืองหลังเหตุรุนแรง ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย นอกจากนี้ ทั้ง 50 รัฐยังมีการเฝ้าระวังความปลอดภัยในระดับสูงสุดด้วย เนื่องจากเอฟบีไอออกโรงเตือนว่า อาจมีการก่อเหตุรุนแรงขึ้นอีก ทั้งในวันทำพิธีสาบานตนหรือหลังจากนั้น