บุกรัฐสภาสหรัฐฯประท้วงผลเลือกตั้ง ดับ 1
วอชิงตัน : เมื่อวันที่ 6 ม.ค. โลกช็อกกับสถานการณ์ความรุนแรงของกลุ่มผู้ประท้วงที่ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งของสภาคองเกรสสหรัฐฯ และพยายามจะเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ชัยชนะเป็นของโจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครต
ตำรวจประจำรัฐสภารับมือกับผู้ประท้วงด้วยปืนและแก๊สน้ำตาหลังจากผู้ประท้วงที่เป็นกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์หลายร้อยคนบุกเข้ามาและพยายามบีบให้สภาคองเกรสเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งที่ทรัมป์พ่ายแพ้ โดยพันธมิตรของทรัมป์ในพรรครีพับลิกันพยายามที่จะพลิกผลการเลือกตั้งจนนาทีสุดท้าย
โฆษกหญิงของตำรวจวอชิงตันแถลงว่า มีหญิงคนหนึ่งเสียชีวิตหลังจากถูกยิงในระหว่างการบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาของกลุ่มผู้ประท้วงที่สนับสนุนทรัมป์ โดยไม่ระบุรายละเอียดมากกว่านี้ เพราะยังคงไม่ชัดเจนว่าใครเป็นคนยิงเธอ แต่พยานระบุว่า มีการยิงเกิดขึ้นหลังจากตำรวจสั่งให้ผู้ประท้วงถอยไป
“ เราบุกเข้าไปในห้องโถง และมีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งไปที่หน้าต่าง ตำรวจพูดให้ถอยไป ก้และออกไปจากตรงนี้” พยานกล่าว “ เธอไม่ได้สนใจเสียงเตือนของตำรวจ และเราพยายามเข้าไปดึงพวกเขาให้ถอยมา ตำรวจยิงเธอที่คอ และเธอร่วงลงมาที่ผม”
ชายคนนี้กล่าวกับสื่อโทรทัศน์ว่า เห็นเลือดออกมาจากปาก คอและจมูกของเธอ “ผมอาจจะถูกยิงก็ได้ แต่กลายเป็นเธอเสียก่อน”
รายงานข่าวเผยให้เห็นภาพกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ทุบกระจกพังทำลายหน้าต่าง และตำรวจยิงแก๊สน้ำตาในอาคาร
โรเบิร์ต คอนที ผบ.ตำรวจนครหลวงระบุว่า กลุ่มผู้ประท้วงใช้สารเคมีโจมตีตำรวจและมีคนบาดเจ็บจำนวนมาก เอฟบีไอระบุว่า ได้สกัดและควบคุมวัตถุต้องสงสัยว่าเป็นระเบิดไว้ได้
จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นการโจมตีทำลายล้างอาคารรัฐสภาที่รุนแรงที่สุด นับตั้งแต่กองทัพอังกฤษถูกเผาในปี 2357
ตำรวจประกาศว่าสามารถควบคุมความปลอดภัยของอาคารได้หลังเวลา 17.30 น. หลังเกิดสถานการณ์รุนแรงนานกว่า 3 ชม.
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า เกิดการประท้วงจากกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ในอีกหลายเมืองทั่วประเทศสหรัฐฯ
โดยผู้ประท้วงถือป้ายที่ยืนยันว่าชัยชนะของทรัมป์ถูกปล้นไป ทั้ง “หยุดปล้นชัยชนะ” และ “ทรัมป์ชนะ”
ยังไม่มีรายงานความรุนแรงจากการประท้วงในหลายเมือง ทั้งเมืองซาเลมในรัฐโอเรกอน เมืองเดนเวอร์ในรัฐโคโลราโด ซอลต์เลคซิตี้ในรัฐยูทาห์ และแอตแลนตาในรัฐจอร์เจีย