ไฟไหม้ป่าที่โปรตุเกส
ทางการโปรตุเกสประกาศไว้อาลัยเป็นเวลา 3 วันให้กับเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย 62 รายจากเหตุไฟไหม้ป่าที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดของประเทศ
โดยในบรรดาเหยื่อผู้เสียชีวิตเป็นเด็กถึง 4 ราย หลายคนถูกพบว่าเสียชีวิตในรถยนต์ที่พวกเขาพยายามขับหนีออกจากเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าทางตอนกลางของประเทศคือบริเวณ Pedrógão Grande และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงหลายร้อยคนยังคงปฏิบัติการดับเพลิงอย่างต่อเนื่อง
นายกรัฐมนตรีอันโตนิโอ คอสตา กล่าว่า “ เป็นโศกนาฎกรรมที่หนักหนาที่สุดที่เราเคยเห็นในรอบหลายปีมานี้ที่เกิดจากเหตุไฟไหม้ป่า” โดยเขากล่าวว่า สาเหตุของไฟไหม้ป่าครั้งนี้น่าจะเกิดจากฟ้าผ่า
ในบรรดาผู้ได้รับบาดเจ็บ มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงรวมอยู่ด้วย 5 นาย จากการพยายามดับไฟในหลายพื้นที่บนภูเขา ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงลิสบอนประมาณ 200 ก.ม.ทางตะวันออกเฉียงเหนือ
มีความกังวลว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้น เนื่องจากยังคงมีผู้สูญหายอีกจำนวนหนึ่ง โดยช่วงเวลาของการไว้อาลัยทั้งประเทศจะสิ้นสุดลงในวันที่ 20 มิ.ย.
เจ้าหน้าที่บริการฉุกเฉินต้องต่อสู้กับเหตุไฟไหม้ป่าถึง 156 แห่งทั่วประเทศในวันที่ 18 มิ.ย. อ้างอิงจากถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีคอสตา โดยเสริมว่า เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายส่วนใหญ่เสียชีวิตในเหตุไฟไหม้ป่าจากเหตุการณ์เดียว
จอร์จ โกเมส รัฐมนตรีกิจการภายในกล่าวว่า ผู้เสียขีวิตส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการสำลักควันและถูกไฟไหม้ร่างกาย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตอีก 2 รายจากอุบัติเหตุบนถนนที่เกิดจากไฟไหม้ป่า
โดยพบศพผู้เสียชีวิต 30 รายติดอยู่ภายในรถยนต์ และอีก 17 รายอยู่ข้างรถยนต์ บนถนนสายหนึ่งที่วิ่งไปสู่มอเตอร์เวย์สาย IC8 ขณะที่อีก 11 รายเสียชีวิตอยู่ในหมู่บ้านที่อยู่ติดกับมอเตอร์เวย์
เหตุไฟไหม้ป่าเกิดขึ้นในวันที่ 17 มิ.ย.ในช่วงเวลาระหว่างที่มีคลื่นความร้อนและพายุที่ไม่มีฝน ด้วยอุณหภูมิที่สูงกว่า 40 องศาเซลเซียสในบางพื้นที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่า ฟ้าที่ผ่าลงมาที่ต้นไม้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟไหม้ป่า
จากถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรี มีไฟไหม้ป่าเพียง 11 แห่งที่ยังคงลุกไหม้อยู่ แต่ทางการกังวลกับเหตุไฟไหม้เพียง 2 แห่งเท่านั้น โดยได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปสมทบกับหน่วยดับเพลิง
ทั้งนี้ ฝรั่งเศสส่งเครื่องบินดับเพลิงมา 3 ลำเพื่อให้ความช่วยเหลือโปรตุเกส ขณะที่สเปนส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดน้ำเพื่อดับไฟมาช่วยแล้ว 2 ลำ และทางสหภาพยุโรปสัญญาว่าจะจัดส่งเครื่องบินดับเพลิงมาช่วยด้วยเช่นกัน
“ นี่เป็นภูมิภาคที่มีไฟไหม้จากในป่าบ่อย แต่เราจำไม่ได้ถึงโศกนาฎกรรมแบบนี้ เพราะมันมีสัดส่วนที่เกิดน้อยมาก” วัลเดอมาร์ อัลฟส์ นายกเทศมนตรีของ Pedrógão Grande กล่าวในการแถลงข่าว
“ ผมตกใจมากกับจำนวนผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ ”.