ผลผลิตน้ำมันโอเปกเดือนพ.ค.พุ่ง
ปริมาณน้ำมันของกลุ่มโอเปกเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ค. ถึงแม้จะมีความเห็นพ้องในข้อตกลงที่จะยืดเวลาการคงเพดานการผลิตน้ำมันออกไปอีก 6 เดือน เพื่อรักษาเสถียรภาพของซัพพลายในตลาดในปี 2561
การผลิตน้ำมันทั่วโอเปกเพิ่มขึ้นประมาณ 336,100 บาร์เรลต่อวันเป็น 32.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากแหล่งผลิตรอง นำโดยลิเบียและไนจีเรีย (ซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องลดเพดานการผลิตน้ำมันเหมือนประเทศสมาชิกอื่นๆในโอเปก) และอิรัก
โดยปริมาณการผลิตน้ำมันจากลิเบียเพิ่มขึ้นมากกว่า 178,000 บาร์เรลต่อวันเป็น 730,000 บาร์เรลต่อวัน
เนื่องจากในประเทศเริ่มมีการปรองดอง และผลผลิตน้ำมันที่ตกต่ำจากความขัดแย้งมานานหลายปีกลับมาเข้าที่เข้าทาง
ในไนจีเรีย การผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นมากกว่า 174,000 บาร์เรลต่อวันเป็น 1.68 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากปีที่แล้วซัพพลายถูกกระทบจากการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานของกลุ่มติดอาวุธ และปีนี้กลับมา
ผลิตน้ำมันได้เหมือนเดิม โดยไนจีเรียอ้างว่าเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกในแอฟริกาที่มีการผลิตสูงสุดแทนที่อังโกลา ซึ่งผลผลิตน้ำมันลดลงถึง 54,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณที่ลดลงมากที่สุดใน 13 ประเทศสมาชิกในเดือนพ.ค.
อิรัก ซึ่งเป็นประเทศในกลุ่มโอเปกที่มีปริมาณการผลิตน้ำมันมากเป็นอันดับ 2 ได้เพิ่มเพดานการผลิตน้ำมันขึ้นมามากเป็นอันดับ 3 ด้วยปริมาณที่เพิ่มขึ้นถึง 44,000 บาร์เรลต่อวัน ที่จริงแล้ว ภายใต้ข้อตกลงลดเพดานการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก อิรักต้องลดเพดานการผลิตให้อยู่ที่ 4.35 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่ในเดือนพ.ค.ปริมาณน้ำมันที่อิรักผลิตได้สูงถึง 4.42 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ทั้งนี้ มีเพียง 4 ประเทศเท่านั้นที่ผลิตน้ำมันต่ำกว่าระดับที่ทำข้อตกลงกันในเดือนพ.ย.ปี 2559 คือ ซาอุดิอาระเบีย อังโกลา คูเวต และกาตาร์
ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โอเปกและประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายอื่นเห็นพ้องในข้อตกลงที่จะลดเพดานการผลิตน้ำมันและลดปริมาณน้ำมันในตลาดออกไปให้ได้ถึง 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันเพื่อให้ส่งผลกับปริมาณน้ำมันดิบในตลาดโลกและหนุนให้ราคาสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ในเดือนพ.ค.ปริมาณน้ำมันคงคลังของกลุ่มประเทศ OECD ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศร่ำรวย ยังคงมีปริมาณน้ำมันมากกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีถึง 251 ล้านบาร์เรลต่อวัน
“ เศรษฐกิจโลกที่ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งเกินคาดการณ์ในไตรมาสแรกของปีนี้ ทำให้มีการคาดการณ์ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของปีนี้เป็น 3.4% เพิ่มขึ้นจากตัวเลขการเติบโต 3.1% ในปีที่แล้ว คาดการณ์ว่าโมเมนตัมด้านบวกจะยังคงมีต่อเนื่องไปจนถึงครึ่งหลังของปีนี้ ” อ้างอิงจากถ้อยแถลงของกลุ่มโอเปก.