อียูแนะไม่เดินทางไป UK ถ้าไม่จำเป็น
ลอนดอน : เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. สหภาพยุโรปแนะนำว่า 27 ชาติสมาชิกไม่ควรเดินทางไปและกลับจากสหราชอาณาจักรหากไม่จำเป็น จนกว่าจะมีการแจ้งเตือนต่อไป
ประเทศสมาชิกอียูประกาศคุมเข้มการเดินทางจากสหราชอาณาจักรหลังเกิดภาวะฉุกเฉินที่มีการกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่มีการแพร่ระบาดรวดเร็วขึ้นที่นั่น โดยคณะกรรมาธิการยุโรปขอให้ใช้แนวทางที่เป็นการประสานความร่วมมือกัน แต่ไม่ได้ห้ามคนในสหราชอาณาจักรหรืออียูไม่ให้เดินทางกลับบ้าน
ดิดิเอร์ เรย์เอนเดอร์ คณะกรรมาธิการฝ่ายยุติธรรมของอียูระบุว่า “ ชาติสมาชิกควรใช้วิธีประสานกันเพื่อไม่ให้มีการเดินทางที่ไม่จำเป็นระหว่างสหราชอาณาจักรและอียู ขณะเดียวกัน คำสั่งแบนแบบครอบคลุมไม่อาจห้ามไม่ให้พลเมืองของอียูและสราชอาณาจักรเดินทางกลับบ้านได้”
ผู้บริหารของอียูระบุว่า การเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด หรือที่พำนักของพลเมืองสามารถทำได้ หากพวกเขามีผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นลบ หรือมีการกักตัวเอง
แรงงานในภาคส่วนขนส่งควรได้รับการยกเว้นจากคำสั่งห้ามเดินทางเมื่อพวกเขาเดินทางข้ามพรมแดนทั้งทางเรือ รถยนต์ หรือเครื่องบิน บุคลากรทางการแพทย์สามารถเดินทางได้อย่างอิสระหากมีผลตรวจหาเชื้อเป็นลบภายใน 72 ชม.ของการเดินทาง
ในช่วงสุดสัปดาห์ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันประกาศล็อกดาวน์กรุงลอนดอนและพื้นที่โดยรอบ เนื่องจากมีความกังวลเรื่องการกลายพันธู์ของโควิด-19 เป็นสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งทำให้มีการแพร่ระบาดมากขึ้นถึง 70%
ดังนั้น จอห์นสันจึงดับฝันของประชาชนหลายล้านคนที่หวังจะไปพบครอบครัวช่วงคริสต์มาส และห้ามการรวมตัวกันของหลายครัวเรือน อนุญาตให้เฉพาะการเดินทางที่จำเป็นเท่านั้น
ท่ามกลางคำถามที่ว่าวัคซีนต้านโควิด-19 ในตอนนี้สามารถยับยั้งไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้หรือไม่ ซีอีโอของบริษัทไบโอเอ็นเทค หุ้นส่วนผู้พัฒนาวัคซีนร่วมกับบริษัทไฟเซอร์ระบุว่า เขามั่นใจว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพมากพอ แต่จำเป็นต้องมีการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจที่สุด
ขณะที่มีการประเมินความร้ายแรงของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ หลายประเทศพยายามจำกัดการติดต่อกับสหราชอาณาจักร แม้จะมีหลักฐานว่าพบไวรัสที่กลายพันธุ์นี้ในประเทศอื่นแล้ว
ในสวิตเซอร์แลนด์ ทางการพยายามสอบสวนโรคกับนักเดินทางประมาณ 10,000 คนที่มาจากสหราชอาณาจักรตั้งแต่ 14 ธ.ค. โดยให้พวกเขากักตัวนาน 10 วัน
คำสั่งกักตัวมีแนวโน้มจะกระทบกับชาวอังกฤษหลายพันคนที่มุ่งหน้าไปสกีรีสอร์ตแล้ว โดยสวิตเซอร์แลนด์ไม่ได้สั่งปิดสกีรีสอร์ตเหมือนประเทศอื่นๆ จึงดึงดูดให้มีนักเดินทางมาจากทั่วยุโรป
ไวรัสโควิด-19 คร่าชีวิตผู้คนไปถึง 1.7 ล้านรายทั่วโลก รวมทั้งประมาณ 68,000 รายในสหราชอาณาจักร มากเป็นอันดับสองในยุโรป รองจากอิตาลีซึ่งมีผู้เสียชีวิตประมาณ 69,000 ราย
มีความวุ่นวายโกลาหลที่พรมแดนในช่วงเวลาที่ผันผวนสำหรับสหราชอาณาจักร ไม่ถึงสองสัปดาห์ก่อนแยกตัวออกจากอียูอย่างสมบูรณ์ การเจรจาเรื่องความสัมพันธ์ทางการค้าหลังเบร็กซิทระหว่างสองฝ่ายยังคงตีบตัน