เปิด 4 ปัจจัย ก่อเกิดข่าวลือ “รัฐประหาร”
4 ปัจจัย ที่ทำให้เกิดข่าวลือรัฐประหาร ทำ บิ๊กตู่ ฉุนขาด
ข่าวลือรัฐประหารครั้งล่าสุดนี้ มาจากโซเชียลมีเดีย แชร์ภาพการเคลื่อนกำลังทหารและยุทโธปกรณ์ หลังจากฝึกภาคสนามของหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วกองทัพบก (RDF) ประจำปี 2563 ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา แม้จะเป็นการขนย้ายกำลังพลปกติ แต่ในช่วงสถานการณ์การเช่นนี้ สังคมจึงอดหวั่นวิตกไม่ได้ว่าจะเกิดการรัฐประหารขึ้นในประเทศไทยอีกหรือไม่
สำหรับปัจจัยที่ก่อให้เกิดข่าวลือรัฐประหาร วิเคราะห์ได้ 4 ปัจจัยดังนี้
1.ความขาดเสถียรภาพของรัฐบาล ต้องยอมรับว่า รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเวลานี้นั้น ไร้ซึ่งเสถียรภาพอย่างมาก ยิ่งล่าสุดเมื่อนายปรีดี ดาวฉาย ลาออกจาก รมว.คลัง ยิ่งทำให้ประชาชน นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ส่งผลอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจไทย เมื่อครั้งที่นายปรีดี ลาออกใหม่ๆ มีการมองว่า ทางเลือกสำหรับ บิ๊กตู่ คือยุคสภา หรือไม่ก็รัฐประหาร
2.ปัญหาการเมืองรุมเร้า
เมื่อเข้าสู่ปีที่ 2 ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ก็พบว่าอะไรๆก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด รัฐบาลถูกโจมตีหลายทิศทาง ไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายค้าน หรือพรรคร่วมรัฐบาลเอง นอกจากนี้ พรรคร่วมรัฐบาลยังก่อตัวกันแบบหลวมๆ ไม่มีความเหนียวแน่น มั่นคง
3.ม็อบนักเรียน นักศึกษา ประชาชน แม้ว่าม็อบจะยังไม่ถึงขั้นเสี่ยงที่จะนำไปสู่ความรุนแรง แต่หากมีการทำรัฐประหารจริง คณะรัฐประหารสามารถอ้างได้ว่า การชุมนุมเยาวชนคนรุ่นใหม่ มีการจาบจ้วง หมิ่นสถาบันอันเป็นที่รักของสังคมไทย ซึ่งเป็นเหตุผลสุดคลาสสิคของคณะรัฐประหารไทย
นอกจากนี้ ปฏิทินการชุมนุมเดือน ก.ย.ต้องบอกว่าเดือด โดยนักศึกษานัดชุมนุมกันวันที่ 19 ก.ย. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ แกนนำผู้ชุมนุมได้นัดหมายให้นำรองเท้าผ้าใบมาด้วย และบอกด้วยว่าจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์อย่างแน่นอน
4.ความเคลื่อนไหวของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ โดย “บิ๊กแดง” นั้น ได้เดินสายเยี่ยมกำลังพลอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นการเยี่ยมเยียนก่อนเกษียณ แต่ในแง่หนึ่ง ก็มองได้ว่าเป็นการส่งสัญญาณความพร้อมของกองทัพในการทำภารกิจใหญ่
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ปฏิเสธข่าวรัฐประหารว่า เป็นการบิดเบือนข้อมูล ช่วงนี้เป็นการฝึกตามวงรอบประจำปีของหน่วยในกองทัพบก จึงน่าจะเป็นจุดที่นำไปเชื่อมโยงกับการรัฐประหาร และที่ผ่านมากองทัพบกก็ประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อเนื่องเป็นระยะอยู่แล้วว่าเป็นช่วงฝึกและมีการขนย้ายยุทโธปกรณ์
“ยืนยันว่าการฝึกระดับหน่วยยังคงมีความจำเป็น และมีการปรับระดับการฝึกให้เล็กลง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่วนการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ต่างๆ ก็ไม่ได้วิ่งเคลื่อนไปทั้งสายพาน แต่มีการเคลื่อนย้ายไปทางรถไฟเหมือนทุกครั้งตามปกติ”
สำหรับข่าวลือรัฐประหาร ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อารมณ์เสียขึ้นมาทันใด เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวดังกล่าว โดย พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับอุทานเสียงดังว่า “เฮ้ย ไปกลับบ้าน”
นอกจากนี้ยังหลุดคำว่า “เลอะเทอะ ถามแบบนี้”
สำหรับอารมณ์ของ “บิ๊กตู่” ดูแย่ลงตั้งแต่ที่นายปรีดี ดาวฉาย ลาออก กระนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ก็พยายามข่มอารมณ์ให้อยู่ ไม่แสดงอาการต่อหน้าสาธารณะ กระทั่งมาเจอข่าวลือรัฐประหาร จึงไม่มีอะไรที่ฉุด หยุดอารมณ์ของ “บิ๊กตู่” ไว้ได้ เพราะ บิ๊กตู่ เอง ก็ติดตามข่าวจากโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง รับรู้ทุกความเป็นไปของข้อมูลข่าวสาร