กองทัพเรือ เมินกระแสสังคม เดินหน้าซื้อเรือดำน้ำ
กองทัพเรือ ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ถึงความจำเป็น ต้องมีเรือดำน้ำ ชี้ เพื่อผลประโยชน์ชาติ ขออย่าเอาการเมืองมาโยง
เมื่อวันที่ 24 ส.ค. กองทัพเรือ จัดแถลงข่าวถึงความจำเป็นในการจัดซื้อเรือดำน้ำ เพิ่ม 2 ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาท โดย พล.ร.ท. ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า สืบเนื่องจากนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.เพื่อไทย ออกมาให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนเกี่ยวกับเรือนำน้ำ ซึ่งอาจด้วยวัตถุประสงค์ทางการเมืองนั้น ได้สร้างความเสียหาย แตกแยกในสังคม การนำประเด็นนี้มาโยงกับการเมือง ถือว่าไม่เหมาะสม ขอสังคมอย่าตกเป็นเหยื่อทางการเมือง และขอฝ่ายการเมืองให้ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ไม่เล่นการเมืองแบบเก่า เพราะการซื้อเรือดำน้ำนั้น ใช้งบประมาณในส่วนของกองทัพเรือ ไม่ได้ของบเพิ่มแต่อย่างใด
พล.ร.ท. ประชาชาติ กล่าวว่า ส่วนที่พรรคเพื่อไทย บอกว่า เราจัดซื้อแบบจีทูจีเก๊ นโยบายรับจำนำข้าวต่างหากที่เป็นจีทูทีเก๊ เพราะการจัดซื้อเรือดำน้ำเป็นการตามกฎหมาย แบบจีทูจีแน่นอน
พล.ร.ท.ธีรกุล กาญจนะ ปลัดบัญชีทหารเรือ กล่าวว่า สำหรับงบประมาณงบเงิน 22,500 ล้านบาท เป็นการทยอยจ่ายในเวลา 7 ปี ไม่ได้จ่ายครั้งเดียวทั้งหมด โดยจะมีการลงนามจัดซื้อลำที่ 2-3 ในเดือน ก.ย.นี้ หลังจากมีการเลื่อนการลงนามในสัญญาณจัดซื้อมาแล้ว เนื่องจากกองทัพเรือ ต้องนำงบประมาณเข้าส่วนกลาง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 ทั้งนี้ การจัดทำงบประมาณของกองทัพเรือนั้น เราได้ตระหนักถึงความคุ้มค่าและอยู่ในกรอบงบประมาณ
น.อ.ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล รอง ผอ.สำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ กล่าวว่า เราพบว่าการมีเรือดำน้ำเป็นสิ่งสำคัญ และมีความจำเป็นกับประเทศไทย กำลังที่เข้มแข็งนำไปสู่อำนาจการต่อลองที่เข้มแข็ง อำนาจการต่อรองที่เข้มแข็ง นำไปสู่ความมั่งคั่ง ความมั่งคั่ง นำไปสู่ความผาสุกของประชาชน
น.อ.ธาดาวุธ กล่าวว่า ส่วนที่พรรคเพื่อไทยออกมาแฉว่าการจัดซื้อไม่ได้เป็นไปตามระบบจีทูจีนั้น เป็นการให้ข้อมูลผิด เพราะเป็นการลงนามร่วมกับบริษัทที่ได้รับการมอบอำนาจจากรัฐบาลจีน จึงถือได้ว่าเป็นจีทูจีของจริง จึงยืนยันได้ว่าเป็นความถูกต้อง
“สำหรับการลงนาม เราไม่ใช้คำว่าสัญญาณ แต่ใช้คำว่าข้อตกลง เป็นกรอบความเข้าใจกันแบบเดียวกับ MOU”
พล.ร.ต.อรรถพล เพชรฉาย ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ กล่าวว่า หากไม่ดำเนินการตามข้อเจรจา ถามว่าต่อไปเราจะไปเจรจาค้าขายกับประเทศจีนอย่างไร และกองทัพเรือเองเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีเรือดำน้ำ มาดูแลผลประโยชน์ของประชาชน อีกทั้ง หากมีเลื่อนการจัดซื้อไป ก็จะต้องมีการเจรจาใหม่ ซึ่งสามารถรับประกันได้ว่าจะได้ข้อตกลงเหมือนเดิม