“พิชัย”ติง บิ๊กตู่ กู้เงินต่างประเทศ เสี่ยงสถานะการคลัง
“พิชัย” ติง “บิ๊กตู่” ขาดความรู้และหลงทาง กู้เงิน ADB เสี่ยงต่อฐานะการคลังของประเทศในอนาคต
(6 ส.ค.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า ตามที่ ครม. อนุมัติให้มีการกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชีย(ADB) ในวงเงิน 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 48,000 ล้านบาท) เพื่อใช้แก้ปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 น่าจะเป็นแนวทางที่ผิดพลาด และหลงทาง และอยากให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ทบทวนและได้ศึกษาก่อนที่จะดำเนินการ เพราะปัจจุบันประเทศไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศ 2.47 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ไม่มีความจำเป็นต้องกู้เงินตราต่างประเทศแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เพราะการกู้เงินจากต่างประเทศจะมีความเสี่ยงต่อฐานะการคลังของประเทศในอนาคต อีกทั้งยังมีความเสี่ยงในอัตราแลกเปลี่ยนที่เศรษฐกิจไทยจะทรุดหนัก ซึ่งจะทำให้ค่าเงินบาทอาจจะอ่อนค่าลงได้ จะทำให้ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ การกู้เงินจากต่างประเทศจะยิ่งทำให้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอยู่แล้ว จะยิ่งแข็งค่ามากขึ้นไปอีก เป็นอุปสรรคซ้ำเติมการส่งออกที่ย่ำแย่ติดลบหนักอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องเหล่านี้ตนได้เคยเตือนไว้ก่อนแล้ว แต่พลเอกประยุทธ์อาจจะไม่มีความเข้าใจ อีกทั้ง รมว.คลังคนใหม่ก็ยังไม่เข้ามา เลยสงสัยว่าพลเอกประยุทธ์จะถูกหลอกอีกแล้วหรือไม่
นายพิชัย กล่าวว่า โดยปกติการกู้เงินจากต่างประเทศจะมีค่าคอมมิชชั่นในการกู้ด้วย อยากทราบว่าค่าคอมมิชชั่นดังกล่าว ใครเป็นผู้ได้รับ อยากให้พลเอกประยุทธ์ ตอบสังคมด้วย โดยแทนที่จะกู้เงินจากต่างประเทศ รัฐบาลสามารถออกพันธบัตรขายให้กับประชาชนทั่วไปได้ หรือ ถ้าเป็นห่วงสภาพคล่องในระบบ ก็สามารถขายให้กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพิ่มสภาพคล่องในระบบได้เหมือนที่ธนาคารกลางของหลายประเทศกำลังทำกัน โดยไม่ต้องห่วงภาวะเงินเฟ้อซึ่งปัจจุบันภาวะเงินเฟ้อติดลบอยู่แล้ว ซึ่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนเก่า และ คนใหม่ที่จะเข้ามา น่าจะแนะนำรัฐบาลได้
นายพิชัย กล่าวว่า การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า เพื่อให้ไทยสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ แต่กลับปล่อยให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาอีก โดยกังวลว่าสหรัฐจะหาว่าไทยตั้งใจจัดการค่าเงินให้อ่อน น่าจะเป็นความเข้าใจที่ผิด โดยธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะสามารถอธิบายให้สหรัฐรวมถึงประชาคมโลกให้เห็นได้ว่าเศรษฐกิจไทยย่ำแย่มาตลอด 6 ปี การขยายตัวต่ำมากมาโดยตลอด
อีกทั้งปีนี้เศรษฐกิจไทยจะติดลบหนักที่สุดในเอเซีย และจะมีคนไทยตกงานกันมากถึง 8-10 ล้านคน ซึ่งค่าเงินบาทที่อ่อนจะสะท้อนภาพเศรษฐกิจของไทยที่แท้จริง ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องไม่โกหกตัวเองเหมือนที่รัฐบาลพยายามโกหกตัวเองและโกหกประชาชน ซึ่งเชื่อว่าสหรัฐและประชาคมโลกน่าจะต้องเข้าใจได้ เพราะสมัยที่เศรษฐกิจของสหรัฐย่ำแย่ ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐก็อ่อนค่าลงเช่นกัน