พ.ร.ก.กู้เงิน 1.9 ล้านล้าน ทุกขลาภ รัฐบาลบิ๊กตู่
พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 3 ฉบับ กลายเป็น “ทุกขลาภ” ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะพรรคฝ่ายค้าน-พรรคร่วมรัฐบาล กล้ามเนื้อนอกบังคับ-พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ตั้งแท่น “ลับฝีปาก” ทันทีเมื่อเปิดประชุมสภาสมัยสามัญในวันที่ 22 พ.ค.2563
พรรคฝ่ายแค้น-ฝ่ายค้านในรัฐบาลฝ่ากระแสการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตัดแต้มคะแนนนิยม พล.อ.ประยุทธ์-แม่ทัพโควิดที่กำลังพุ่งแรง
พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับมี “จุดเปราะบาง” ทุกฉบับที่พรรคฝ่ายแนวร่วมมุมกลับจะนำตีปลาหน้าไซ-ตีกินทางการเมือง
ฉบับที่ 1 พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 พ.ศ.2563 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท
โดยเฉพาะแผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้กับภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 วงเงิน 555,000 ล้านบาท ที่มี “ข้อกังขา” ว่า “ฝนตกไม่ทั่วฟ้า”
การจ่ายเงินให้กับแรงงานนอกระบบ-อาชีพอิสระ รายละ 5,000 บาท ระยะเวลา 3 เดือน รวมรายละ 15,000 บาท โควตา 16 ล้านคน ผ่านการลงทะเบียนเว็บไซต์ “เราไม่ทิ้งกัน” 28.8 ล้านคนจะกลายเป็น “ตำบลกระสุนตก” บ้านนรสิงห์
ผู้ที่ “ไม่ผ่านเกณฑ์-ขอทบทวนสิทธิ์” 6.6 ล้านคน จะถูกนำมาฎีกา-พิสูจน์ความจนในการประชุมสภาสมัยสามัญ-ย้ายวิกดราม่าจากหน้ากระทรวงการคลังมากลางที่ประชุมรัฐสภา
รวมถึง กลุ่มเกษตรกร 10 ล้านครัวเรือน จะได้รับเงินครัวเรือนละ 5,000 บาท 3 เดือน ภายในวันที่ 15 พ.ค.63 ขณะที่ “กลุ่มเปราะบาง” ที่รอ “เก็บตก” เช่น คนไร้บ้าน ซาเล้ง “พล.อ.ประยุทธ์” สั่ง “เก็บตก” ทุกกลุ่ม
กระทรวงการคลังอัพเดทจำนวนผู้ลงทะเบียนมีทั้งหมด 28.8 ล้านคน ลงทะเบียนซ้ำ 4.8 ล้านคน มีผู้ลงทะเบียนไม่ผ่าน 1.7 ล้านคน ซึ่งรัฐบาลจะพิจารณามาตรการเยียวยาที่เหมาะสมต่อไป
ทำให้มีผู้ผ่านการคัดกรองเข้าสู่ระบบ 22.3 ล้านคน มีผู้ผ่านเกณฑ์ 13.4 ล้านคน ไม่ผ่านเกณฑ์-อยู่ระหว่างขอทบทวนสิทธิ์6.6 ล้านคน ซึ่ง “ผู้พิทักษ์สิทธิ์” จะลงพื้นที่จริงตรวจสอบสิทธิ์ต่อไป โดยจะ “ปิดหีบ” ลงทะเบียนรับสิทธิ์ในวันที่ 17 พ.ค.63
“เราเดินมาปลายทางแล้ว ผู้ที่ผ่านเกณฑ์ 13.4 ล้านคน 11 ล้านคน จะมีการโอนเงินให้ในวันที่ 8 พ.ค. อีก 2.4 ล้านคน จะมีการโอนเงินให้ในสัปดาห์นี้” นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง-โฆษกกระทรวงการคลังระบุ
อีกส่วนหนึ่งที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์จะถูก “รุมทึ้ง” คือ แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 วงเงิน 400,000 ล้านบาท
เงินก้อน 4 แสนล้านบาท เป็น “งบการเมือง” ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ โดยเฉพาะ “ทีมสมคิด” ที่จะนำไปใช้พัฒนาท้องถิ่น-ชุมชน “ติดปลายนวม” ด้วยการโกยคะแนนนิยมทางการเมือง “มัดจำ” แต้มต่อในการเลือกตั้งครั้งหน้า
แม้กระทั่งเป็น “งบหาเสียงล่วงหน้า” หากรัฐบาลเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ลาออก-ยุบสภา
ขณะที่แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อแก้ปัญหาการระบาดของโควิด-19 วงเงิน 45,000 ล้านบาท แม้จะดูว่าเป็น “เขตปลอดภัย” แต่ฝ่ายค้านก็ต้องป้องชำแหละ “งบวัคซีน” ที่จะทั่วถึง-ทั่วฟ้าหรือไม่
ฉบับที่ 2 พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 พ.ศ.2563 วงเงิน 500,000 ล้านบาท
แม้จะเป็นอำนาจของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทว่ามาตรการสินเชื่อที่ผ่านมามัก “ตกไม่ถึงมือ” ผู้ประกอบการรัฐวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) หรือ “คนตัวเล็ก”
ปิดท้าย ฉบับที่ 3 พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ.2563 วงเงิน 500,000 ล้านบาท เป็นอีกฉบับที่จะเป็นมหากาพย์การเอื้อประโยชน์-ผลประโยชน์ต่างตอบแทนให้กับกลุ่มทุนใหญ่
จดหมายถึง 20 เจ้าสัว-มหาเศรษฐีเมืองไทยจากพล.อ.ประยุทธ์ จะถูกผูกโยงมาพัวพัน “อุ้มหุ้นกู้” หลายหมื่นล้าน ให้กับบริษัทรายใหญ่-อาณาจักรเจ้าสัว
ผลิตวาทะกรรม “อุ้มคนรวย” และ “อุ้มเจ้าสัว” เพียงไม่กี่กลุ่ม.