พิษประชาธิปัตย์ ถ่วงงบ 63 – ส่อโมฆะ ? “บิ๊กตู่” ตั้ง “สมคิด” เคลื่อนลงทุนแป๊ก
ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ส่อเค้าเป็น “โมฆะ” เมื่อ “นิพิฏฐ์อินทรสมบัติ” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกมาแฉ “ส.ส.กดบัตรแทนกัน” และ “องค์ประชุมผี”
2 จำเลย ที่ถูกนายนิพิฏฐ์ขุด “พฤติกรรมฉาว” มาประจาน คือ ส.ส.แห่งค่ายภูมิใจไทย ได้แก่ “ฉลอง เทอดวีระพงศ์” ส.ส.จังหวัดพัทลุง เขต 2 ที่ “เสียบบัตรคาเครื่องลงมติ” จนมี “มือปริศนา” ลงคะแนนแทน
และ “นที รัชกิจประการ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ “หลังบ้าน” นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา โควตาพรรคภูมิใจไทย ที่มีชื่อเป็น “องค์ประชุม” แต่ปรากฏภาพ- check in “ทัวร์จีน” ใน “วันโหวต” 11 มกราคม 63
“สรศักดิ์ เพียรเวช”เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ผู้ได้รับมอบอำนาจจาก นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภาให้ตรวจสอบ
เบื้องต้นจากพยาน-หลักฐานพบว่า พฤติการณ์ของนายฉลองเป็นการลงมติร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย 2563 มาตรา 31-55 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือ “กดบัตรแทนกัน”
หลังจากนี้จะส่งผลการตรวจสอบให้นายชวน-ประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาว่าจะส่งศาลรัฐธรรมนูญ “ตีความ” ว่า ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2563 เป็น “โมฆะ” หรือไม่
ตามขั้นตอน คือ ให้ใช้มติในที่ประชุมรัฐสภา (ส.ส.+ ส.ว.) 1 ใน 10 ตัดสินว่าจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่
สำหรับเบื้องหน้า-เบื้องหลัง การออกมาแฉของนายนิพิฏฐ์ อดีต ส.ส.ต. (ส.ส.สอบตก) จังหวัดพัทลุง และรองหัวหน้าพรรค-รับผิดชอบภาคใต้ ถือเป็นการ “ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว”
เพราะนายฉลอง ส.ส.พัทลุง สังกัดภูมิใจไทย ถือเป็น “คู่แข่ง” ของนายนิพิฐฏ์ ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ในพื้นที่จังหวัดพัทลุง มิหนำซ้ำยัง “โค่นแชมป์เก่า” อย่างนายนิพิฐฏ์ อดีต ส.ส.พัทลุง 7 สมัย “หมดรูป”
ขณะที่นางนที คือ “นายทุน” ที่เป็น “แม่ทัพปักษ์ใต้” ของพรรคภูมิใจไทย จนทำให้ตีค่ายเครือข่าย “นายหัวชวน” ผู้มีบารมีแห่งพรรคประชาธิปัตย์ “ล้มแชมป์เก่า” ของพรรคเก่าแก่ได้ ส.ส.ภาคใต้มาถึง 8 ที่นั่ง
ถึงแม้ว่า 1 เสียงของนายฉลอง จะไม่มีนัยยะทำให้ผลการลงมติเห็นด้วย-ผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 “พลิก” เป็นไม่เห็นด้วย-ตีตกได้
แต่หากนายชวนพิจารณาแล้วเห็นว่า ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ อาจจะทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 “ล่าช้า” ออกไปอีก “อย่างน้อย 2 เดือน” จากที่คาดว่าจะสามารถเบิกจ่ายได้ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2563
จากเดิมที่เบิกจ่ายล่าช้าไปกว่าปีปฏิทินงบประมาณที่ต้องเริ่มเบิกจ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 เข้าไปอีก เนื่องจากยังไม่มีรัฐบาลใหม่-สภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่
แม้จะสามารถเบิกจ่ายงบประมาณ “ไปพลางก่อน” แต่ก็เป็นการใช้จ่ายจาก “งบรายจ่ายประจำ” เช่น ค่าจ้าง-เงินเดือน ของข้าราชการ-พนักงาน-ลูกจ้างของรัฐและรัฐวิสาหกิจ เพียง 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ทว่าการเบิกจ่าย “งบลงทุน” โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่-เมกกะโปรเจ็กต์ ไม่สามารถทำได้ ทำให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ โดย “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี ต้องกระทุ้ง-ล้างท่องบประมาณของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจราวแสนล้าน เพื่อ “ปั๊มตัวเลขจีดีพี” ไตรมาสแรกของปี 2562
ประกอบกับมาตรการ “กระตุ้นเศรษฐกิจ” สารพัดมาตรการ “ทุกชนชั้น” อาทิ โครงการชิมช้อปใช้ 3 เฟส และเตรียมจะออกเฟส 4 ในเร็วๆ นี้ มาตรการอัดฉีดกองทุนหมู่บ้าน-หมู่บ้านละ 2 แสน และมารตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอี
ล่าสุด “พล.อ.ประยุทธ์” ลงนามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 19/2563 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการเจรจาการค้าและการลงทุน โดยมอบหมายให้ “สมคิด” เป็นประธานเพื่อขับเคลื่อนแผนการลงทุนของประเทศในช่วงปี 2563 – 2564
โดยตั้งเป้าเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2563 อัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบไตรมาสสองของปีปฏิทิน (มี.ค.-พ.ค.) กว่า 1.1 ล้านล้านบาท
ทว่าอาจ “แป๊ก” หากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ถูกส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
เข้าตำรา “ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก”.