บิ๊กคสช.ดาหน้าโต้ข่าวปรับครม. “ประยุทธ์5”
กระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี “ประยุทธ์ 5” ถูกจุดกระแสมาอีกครั้งในช่วงที่รัฐบาลของ “บิ๊กตู่” ใกล้ทำงานครบ 3 ปี ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีรายงานข่าวข่าวจากกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหมและสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ โดยยืนยันจะมีการปรับ ครม.ในเร็วๆนี้ไปพร้อมๆ กับการเเต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในหลายหน่วยงาน โดยเเหล่งข่าวระบุว่า กระทรวงหลักๆ ที่น่าจะมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรี อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเเละรมว.กลาโหม จะโยกไปเป็นรองนายกรัฐมนตรีเเละรมว.มหาดไทย เพื่อดูเเลการเลือกตั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย จะย้ายไปเป็นรมว.กลาโหม แทน
ครม.บางส่วน ที่อยู่ในข่ายมีการปรับออกหรือสลับตำเเหน่ง เช่น พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรเเละสหกรณ์ หรือ พล.ต.อ.อดุลย์ เเสงสิงเเก้ว รมว.พัฒนาสังคมเเละความมั่นคงของมนุษย์ จะย้ายไปเป็นรมว.ยุติธรรม เเทน นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ ที่น่าจะโดนปรับออก แต่หาก พล.ต.อ.อดุลย์ พลาดตำเเหน่งรมว.ยุติธรรม พล.ต.อ.อดุลย์ อาจย้ายไปเป็นรองนายกรัฐมนตรี โดยมีกระแสข่าวว่าจะให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่เหลืออายุราชการถึง 3 ปี เข้ามารับตำแหน่ว รมว.การพัฒนาสังคมฯ เเทน แล้วดัน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. ขึ้นเป็น ผบ.ตร.
ขณะที่นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ มีกระเเสข่าวถูกปรับออกจากตำเเหน่ง รวมถึงพล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน ที่มีปัญหาการเเก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวที่รัฐบาลโดน โจมตีมีแนวโน้มถูกปรับออกจากตำแหน่งเช่นกัน
โดยเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผู้นำรัฐนาวา กล่าวว่า “ผมยังไม่ได้คิดอะไรสักอย่าง ไม่รู้ว่าเป็นข่าวใหญ่โตออกมาได้อย่างไร ไปกันใหญ่ โดยเฉพาะที่มีการพูดกันไปว่า ใครจะไปดูแลหารเลือกตั้งทำไมจะต้องเอาใครไปดูการเลือกตั้ง เพราะการเลือกตั้งมีขั้นตอน มีหน่วยงานที่รับผิดชอบมีกฎหมายอยู่แล้ว ใครจะรักษาการในระหว่างนั้นกฎหมายก็มีบัญญัติไว้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว กระทรวงมหาดไทยเองก็มีหน้าที่เพียงสนับสนุนการเลือกตั้ง สนับสนุนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ใช่จะไปคุมการเลือกตั้ง เป็นคนละเรื่องกัน ส่วนหน่วยงานด้านความมั่นคงก็มีหน้าที่ไปดูแลเรื่องความปลอดภัยทั้งใน และนอกคูหา ที่เหลือก็ไปดูในเรื่องของการทำผิด การทุจริต ความโปร่งใสในการเลือกตั้ง ทุกฝ่ายมีหน้าที่ร่วมมือกันภายใต้การทำงานของ กกต. เพราะมีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง
“แล้วทำไมถึงไปเขียนกันว่าจะย้ายคนนี้ไปดูตรงนั้นเอากลาโหมไปดูการเลือกตั้ง เอาผบ.ตร.ไปนั่งเป็นรัฐมนตรี เพ้อเจ้อ คิดไปได้อย่างไร คนคิดเข้ามาอยู่ในหัว ในสมองผมหรืออย่างไร ยืนยันว่าผมยังไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย”
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ระบุว่า ได้มีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี และพล.อ.อนุพงษ์ ถึงกระแสข่าวปรับ ครม.ว่า “เป็นโผที่ผู้สื่อข่าวตั้งขึ้นมา ยืนยันว่าไม่มี เป็นเพียงเรื่องของการมโน นายกรัฐมนตรีไม่ได้พูดถึงเรื่องปรับ ครม.เลย ไม่มี”
เช่นเดียวกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า เรื่องปรับ ครม.ต้องถามนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นคนเดียวที่จะรู้ มาถามตน ตนไม่ทราบ และไม่มีความคิดเห็นอะไร เพราะถ้าสื่อถามอย่างหนึ่ง ก็จะถามอีกอย่างต่อ
“ผมเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้พูดเรื่องนี้กับสื่อ แล้วสื่อเอาเรื่องนี้มาจากไหน ผมก็ไม่รู้ ทุกอย่างอยู่ที่อำนาจนายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียวที่จะเป็นผู้พิจารณา ผมเห็นสื่อเล่นข่าวนี้มาหลายวันแล้ว ถามอย่างอื่นดีกว่าที่เป็นเรื่องงาน”
ด้านนักการเมือง นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ วิเคราะห์ว่า ถ้านายกรัฐมนตรีจะปรับครม. คงประเมินจากผลงานในการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐมนตรีแต่ละคนมากกว่าการปรับเพื่อเข้าสู่โรดแมปในการเลือกตั้ง ส่วนกระแสข่าวที่โฟกัสไปที่ พล.อ.ประวิตร เพื่อให้มาดูงานเลือกตั้ง แล้วให้ พล.อ.อนุพงษ์ ไปคุมกระทรวงกลาโหมนั้น ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะพล.อ.อนุพงษ์ ทำงานได้ดี ไม่มีข้อบกพร่องอะไร ถ้าเปรียบเทียบกับรัฐมนตรีคนอื่น ไม่น่าอยู่ในเป้าหมายปรับเปลี่ยนหรือโยกย้ายไปไหน
ขณะที่ นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่น่าจะมีการปรับครม.ในช่วงนี้เพราะใกล้เลือกตั้ง คาดว่าตามเวลาในรัฐธรรมนูญต้องเลือกตั้งประมาณกลางปี 2561 การปรับเปลี่ยน ครม.เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แม้จะเปลี่ยนก็ไม่สามารถแก้อะไรทันแล้ว ฉะนั้นเปลี่ยนไปก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไร ถ้ามีการปรับ ครม.ยิ่งจะทำให้คนรู้สึกว่ารัฐบาลดำเนินนโยบายผิดพลาด จำเป็นต้องเปลี่ยนผู้รับผิดชอบ คิดว่าเขาคงลากยาวไปจนถึงเลือกตั้งเสร็จ คงไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร