“ณัฐวุฒิ” ชี้ ฮั้ว สว.งานหยาบ หลักฐานเรี่ยราด อันตรายสังคมไทย

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โพสต์ ฮั้ว สว.งานหยาบ หลักฐานเรี่ยราด อันตรายสังคมไทย
(7 พ.ค.68) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความว่า ตอนที่เขากำลังเลือก ส.ว.ชุดนี้ พรรคพวกบางคนวิเคราะห์ว่า เสร็จฝ่ายกระแสแน่ ใครอยู่ในช่วงขาขึ้นคะแนนนิยม จะกวาดเก้าอี้ส.ว.เป็นกอบเป็นกำ แต่ผมเห็นต่างมาตลอด ฟันธงไปด้วยว่ามารูปนี้เสร็จฝ่ายจัดตั้ง คนร่างรัฐธรรมนูญนี้รับงานจากฝ่ายไม่นิยมเลือกตั้ง ไม่มีทางจะเขียนกติกาเอื้อฝ่ายตรงข้าม และจะซ่อนลายแทงให้การเลือกอย่างตรงไปตรงมา เป็นเบี้ยล่างของกลุ่มที่ช่ำชองการจัดการทางการเมือง พอผลออกมายอมรับว่าอึ้ง คิดไม่ถึงว่าจะจัดตั้ง จัดการ และจัดฮั้วกันได้ขนาดนี้ จาก 200 ได้มาเกิน 150 คน

“แต่งานหยาบ หลักฐานเรี่ยราด ไม่ต้องดูในมือ DSI หรือ กกต. แค่ฟังผู้สมัครที่ไม่ได้ร่วมขบวนการนี้เล่า ก็ชัดถึงไหนต่อไหน คดีฮั้วส.ว.ที่กำลังเดินอยู่จึงไม่ได้หมายเพียงแค่คดีโกงเลือกตั้งทั่วไป หรือเป็นเกมอำนาจระหว่างก๊กสีแดงกับก๊กสีน้ำเงิน แต่เป็นเรื่องการรักษาความสง่างามของระบบรัฐสภา ปกป้องคุณค่าของระบอบประชาธิปไตย ถ้าการเลือก ส.ว.แบบนี้ลอยนวลไปได้จนครบวาระ ครั้งต่อไปจะยิ่งกว่านี้ และงานละเอียดกว่าด้วยความชำนาญที่มากขึ้น อาจมีมากกว่าหนึ่งกลุ่มใช้วิธีเดียวกัน แข่งกันฮั้วจนพังทั้งระบบ เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อกระบวนการรัฐสภา ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายต่อสังคมไทยมาแล้วหลายครั้ง”
นายณัฐวุฒิ ระบุ ส่วนตัวผมคิดว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่แล้ว เรื่องที่ควรอภิปราย เอาหลักฐานมาเปิด เอาเรื่องราวมาเล่าแล้วน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดคือกรณีฮั้วส.ว. แต่เมื่อฝ่ายค้านเลือกยุทธวิธีล็อกเป้านายกฯคนเดียว ถึงผมจะมีคำถามในใจแต่ก็ตามนั้น อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ควรเป็นวาระสังคม ไม่ปล่อยผ่าน เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติต้องตาบอดสี ไม่มีแดง น้ำเงิน หรือสีอื่นใด เดินให้สุดอย่างโปร่งใสต่อหน้าประชาชน ผมรู้จักส.ว.ที่ได้รับเลือกหลายคน ไม่รู้แน่ชัดว่าใครต้องข้อหาฮั้วบ้าง เอาใจช่วยแต่ละคนให้มีหลักฐาน ข้อเท็จจริงมาชี้แจงได้
ส่วนฝ่ายการเมืองไหนที่ถูกกล่าวหาก็เช่นกัน จนถึงวันนี้ทุกคนยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ถ้าถูกพาดพิงก็มีสิทธิ์สู้ ใครผิดถูกยังไงไม่รู้ ผมรู้แต่ว่า กระบวนการยุติธรรมต้องเดินหน้า กติกาเลือกส.ว.แบบจัดฮั้วได้ ความเน่าเปื่อยขององค์กรอิสระบางหน่วยงาน และข้อจำกัดอีกหลายเรื่องของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ชี้ชัดว่าสังคมไทยต้องการรัฐธรรมนูญใหม่