ไม่ผิดโผ “วิสาร” นั่งประธาน “กมธ.พรบ.ท่าเรือ” รื้อกฎหมายเก่าแก่ 78 ปี

สภาฯตั้ง กมธ.วิ พรบ.ท่าเรือ” รื้อกฎหมายเก่าแก่ 78 ปี วิสาร เตชะธีราวัฒน์ นั่งประธาน
วันที่ 6 มีนาคม 2568 ห้องประชุมกรรมาธิการ อาคารรัฐสภา ได้มีการประชุมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ …) พ.ศ. … โดยมีคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ เนื่องจากพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 เป็นกฎหมายที่เก่าและอาจล้าสมัย ซึ่งมีมาตั้งแต่ 78 ปีที่แล้ว ทั้งนี้คณะกรรมาธิการได้แต่งตั้งนายกองเอก วิสาร เตชะธีราวัฒน์ เป็นประธานกรรมาธิการ โดยมีกรรมาธิการร่วมพิจารณาประกอบด้วย
- นายกฤตกร อุตตโม
- นางสาวกฤษฎี ชีวะธรรมานนท์
- นางสาวกุลรัตน์ อุบลนุช
- นายคงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์
- นายเจือ ราชสีห์
- นายชัชชัย แจ่มจันทร์
- นายชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง
- นางฐิติมา ฉายแสง
- นายณฐกร สุวรรณธาดา
- ศาสตราจารย์พิเศษ ณัฐกฤตย์ ณ ชุมพร
- นายเดชา นุชพุ่ม
- นายธรรม์ เด่นดวง
- นายนิกร จำนง
- นายปฏิพัทธ์ เมืองสุวรรณ์
- นายปัญญา จั่นสกุล
- นางสาวปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช
- ว่าที่ร้อยเอก พสิษฐ์ ลิขิตอัครนานนท์
- นายภัณฑิล น่วมเจิม
- นายภัทรพงศ์ ภัทรประสิทธิ์
- นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์
- นางสาวมณิสรา บารมีชัย
- ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วรวิทย์ บารู
- นายวันชัย สอนศิริ
- นายวิรัช พิมพะนิตย์
- นายกองเอก วิสาร เตชะธีราวัฒน์
- นายวีรภัทร คันธะ
- รองศาสตราจารย์ เรือเอก สราวุธ ลักษณะโต
- นายสุชาติ อสาหะ
- นายอนุชา บูรพชัยศรี
- นายอรรถพล ไตรศรี
- นายอำนาจ วิชัย

นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้มีการมอบตำแหน่งต่างๆ ดังนี้
- รองประธานคณะกรรมาธิการคนที่หนึ่ง: นายวันชัย สอนศิริ
- รองประธานคณะกรรมาธิการคนที่สอง: นายภัณฑิล น่วมเจิม
- รองประธานคณะกรรมาธิการคนที่สาม: นางฐิติมา ฉายแสง
- รองประธานคณะกรรมาธิการคนที่สี่: นายคงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์
- รองประธานคณะกรรมาธิการคนที่ห้า: นายอนุชา บูรพชัยศรี
- เลขานุการคณะกรรมาธิการ: นางสาวปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช
- โฆษกคณะกรรมาธิการ: นายวีรภัทร คันธะ
- กรรมาธิการและที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ: นายเจือ ราชสีห์, นายปัญญา จั่นสกุล, นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์, นางสาวกฤษฎี ชีวะธรรมานนท์, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วรวิทย์ บารู, ศาสตราจารย์พิเศษ ณัฐกฤตย์ ณ ชุมพร
อย่างไรก็ตามการปรับปรุงกฎหมายท่าเรือมีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคที่ประเทศไทยกำลังพัฒนาเป็นศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กฎหมายท่าเรือที่มีอยู่ในปัจจุบันมีอายุมากถึง 78 ปี ซึ่งอาจไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการและความท้าทายใหม่ๆ ในการจัดการท่าเรือและการขนส่งสินค้าที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบันได้
ประโยชน์ที่จะได้รับจากการปรับปรุงกฎหมายท่าเรือ เช่น
- การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน: กฎหมายใหม่จะช่วยลดขั้นตอนที่ยุ่งยากและเพิ่มความรวดเร็วในการดำเนินงานของท่าเรือ ทำให้การขนส่งสินค้าสะดวกและรวดเร็วขึ้น
- การดึงดูดการลงทุน: การมีกรอบกฎหมายที่ทันสมัยจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้เกิดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและบริการที่เกี่ยวข้องกับท่าเรือมากขึ้น
- ความปลอดภัยและความมั่นคง: กฎหมายใหม่จะช่วยเสริมสร้างมาตรการด้านความปลอดภัยและความมั่นคงในท่าเรือ ทำให้ท่าเรือสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานสากลได้ดียิ่งขึ้น
- ความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม: การปรับปรุงกฎหมายท่าเรือสามารถรวมถึงมาตรการที่ส่งเสริมการปฏิบัติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้เทคโนโลยีสีเขียวในกระบวนการขนส่ง
- การปรับตัวตามแนวโน้มโลก: กฎหมายใหม่จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถปรับตัวได้เร็วขึ้นต่อแนวโน้มการค้าโลก เช่น การเติบโตของอีคอมเมิร์ซและความต้องการการจัดส่งที่รวดเร็ว
- ความชัดเจนและความเป็นธรรมทางกฎหมาย: กฎหมายใหม่จะมีแนวทางที่ชัดเจนในการแก้ไขข้อพิพาท ซึ่งจะช่วยให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในกิจกรรมท่าเรือได้รับความเป็นธรรม
- การสนับสนุนการค้า: การมีกรอบกฎหมายที่ทันสมัยจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานสากลได้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการทำข้อตกลงการค้าและความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ
- การพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค: การปรับปรุงกฎหมายท่าเรือจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่รอบๆ ท่าเรือ สร้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น
ทั้งนี้การจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทยถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพัฒนากฎหมายท่าเรือของประเทศไทย การปรับปรุงกฎหมายนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้การดำเนินงานของท่าเรือมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ชุมชนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่รัฐบาล จะเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างกรอบกฎหมายที่มีประสิทธิภาพและเป็นธรรม เพื่อให้กฎหมายใหม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของทุกฝ่ายได้อย่างเหมาะสม
การปรับปรุงกฎหมายท่าเรือไม่ใช่แค่การปฏิรูปทางกฎหมาย แต่ยังเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตทางการค้า ชุมชนสามารถเจริญเติบโตได้ และประเทศไทยจะยังคงเป็นศูนย์กลางที่สำคัญในเศรษฐกิจโลกในอนาคต